ขณะที่ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ทอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศสและอังกฤษ ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ทเป็นราชวงศ์ที่ปกครองราชอาณาจักรอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และมีรากฐานจากบริเวณอองซู และนอร์มังดีในฝรั่งเศส ทหารฝรั่งเศสเป็นผู้ร่วมต่อสู้ทั้งสองฝ่าย โดยมีเบอร์กันดีและอากีแตนสนับสนุนฝ่ายแพลนทาเจเน็ท
ราชวงศ์กาเปเซียง คือราชวงศ์ที่ปกครองฝรั่งเศสในสมัยกลาง ปัจจุบันราชวงศ์กาเปเซียงที่ยังมีพระชนม์ชีพและถือพระราชสมบัติอยู่ คือ กษัตริย์แห่งสเปนและแกรนด์ดุ๊กแห่งลักเซมเบิร์กผ่านทางราชวงศ์บูร์บง บรรพบุรุษของราชวงศ์กาเปเซียง คือ ตระกูลรอแบร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเคานต์แห่งปารีสในอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก ปัจจุบันคือฝรั่งเศส ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 และ 10 ตระกูลรอแบร์อำเษกกับราชวงศ์คาโรลินเจียน ราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตกขณะนั้น ทำให้ตระกูลรอแบร์บางคนได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ด้วย แต่ใน ค.ศ. 987 ราชวงศ์กาโรแล็งเซียงสิ้นสุดลงในอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก อูก กาแป เคานต์แห่งปรารีสที่สืบเชื้อสายจากตระกูลรอแบร์นั้น ได้ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์กาเปเซียงราชวงศ์กาเปเซียงในสายตรงฝรั่งเศสสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1328 ด้วยการสิ้นสพระชนม์ของพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ที่ทรงไร้ทายาท
แม้พระเจ้าฟิลิปที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ราชวงศ์กาเปเตียงจะทรงมีพระโอรสถึงสามองค์ซึ่งทั้งสามพระองค์ก็ได้เป็นกษัตริย์ แต่กลับไม่มีพระองค์ใดมีทายาทเลย พระนางอิซาเลลา พระขนิษฐาของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ทรงอภิเษกกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ และมีพระโอรสเป็ฯพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ดังนั้น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงทรงเป็นพระญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของพระเจ้าชาร์ลส์ที่จะขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศส
เมื่อปี ค.ศ. 1066 เมื่อ ดยุควิลเลียมแห่งนอร์มังดียกกองทัพมารุกรานอังกฤษพระองค์ทรงได้รับชัยชนะต่อสมเด็จพระเจ้าฮาโรลด์ และขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษ
ในฐานะดยุคแห่งนอร์มังดี วิลเลียมยังคงขึ้นกับกษัตริย์ฝรั่งเศสซึ่งต้องสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์ฝรั่งเศส
การแสดงความสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์โดยกษัตริย์อีกองค์หนึ่งเป็นการกระทำที่เหมือนเป็นการหยามศักดิศรี พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษจึงพยายามเลี่ยง ทางฝ่ายราชวงศ์กาเปเตียงก็ไม่พอใจที่กษัตริย์ประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นเจ้าของดินแดนภายในราชอาณาจักรละพยายามหาทางลดความอันตรยของฝ่ายอังกฤษต่อความมั่นคงของฝรั่งเศส
หลังจากสงครามกลางเมือง (สงครามอนาธิปไตย The Anarchy) ราชวงศ์อองซูขึ้นมามีอำนาจแทนราชวงศ์แองโกล-นอร์มัน ในสมัยที่รุ่งเรื่องที่สุดของราชวงศ์อองซูนั้น ปกครองทั้งอังกฤษ และดินแดนในฝรั้งเศส ซึ่งเป็นอาณาบริเวณที่มีเนื้อที่มากกว่าพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสเอง ดินแดนเหล่านี้เรียกรวม ๆ ว่าจักรวรรดิอองซู
พระมหากษัตริย์อังกฤษแห่งราชวงศ์อองซุยังคงต้องแสดงความสวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศส
พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศสจึงทรงใช้ความอ่อนแอของพระเจ้าจอห์นทั้งทางกฎหมายและทางการทหาร ยึดดินแดนต่าง ๆ มาเป็นของฝรั่งเศส ราชวงศ์อองซูสูญเสียดินแดนนอร์มังดีทั้งหมดและลดเนื้อที่ครอบครองในฝรั่งเศสเหลือเพียงในบริเวณบางส่วนของแกสโคนี ขุนนางอังกฤษยังคงต้องการครอบครองดินแดนเหล่านี้
เมือสิ้นราชวงศ์กาเปเซียง แม้ว่า พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ทรงเป็นพระนัดดาของพระเจ้าชาลส์ที่ 4 เป็นพระญาติชายที่ใกล้ชิดที่สุดทางสายพระโลหิต(พระญาติทางฝ่ายมารดา) จึงเป็นผู้มีสิทธิจะครองบัลลังก์มากที่สุด
แต่ขุนนางฝรั่งเศสไม่ต้องการให้กษัตริย์อังกฤษมาปกครองฝรั่งเศสจึงอ้างกฎบัตรชาลลิคของชนแฟรงก์โบราณว่า การสืบสันติวงศ์จะต้องผ่านทางผู้ชายเท่านั้น และให้ฟิลิปเคานท์แห่งวาลัวส์ ที่สืบเชื้อสายจากพระเจ้าฟิลิปที่ 3 ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฟิลิปที่ 6 เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์วาลัวส์ซึ่งเป็นสาขาของราชวงศ์กาเปเซียง ในปีค.ศ. 1331 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 ทรงยินยอมที่จะสละสิทธิ์ในบัลลังก์ฝรั่งเศสทั้งมวลแต่ครองแคว้นกาสโคนี
ในค.ศ. 1333 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงทำสงครามกับสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสตามสัญญาพันธมิตรเก่า(Auld Alliance สัญญาสันติภาพเพื่อการประสานการป้องกันทางทหารร่วมกันในการต่อต้านอังกฤษ ระหว่าง สกอตแลนด์และฝรั่งเศส) พระเจ้าฟิลิปที่ 6 ทรงเห็นโอกาสจึงนำทัพบุกยึดแค้วนกาสโคนี แต่พระเจ้าเอ็ดวาร์ที่ 3 ทรงปราบปรามสกอตแลนด์อย่างรวดเร็ว และหันมาตอบโต้พระเจ้าฟิลิปได้ทัน นี้เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามร้อยปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น