วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Democracy issues

         เหลือเวลาอีก 11 วันการเลือกตั้งประธานาธิบสหรัฐฯ ก็จะเร่ิมขึ้น การแข่งขันกันระหว่างผุ้สมัครทั้งสองดุเดือดและสูสีเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนี้เป็นการบทสัมภาษณ์ บทความ รายการ ที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อของแต่ละฝ่าย 

         การวิเคราะห์โดย แซคชารี บี. วูฟ, ซีเอ็นเอ็น

         ผุ้คนเรียกทรัมทป์ว่าเป้ฯพวกฟาสซิสต์ นั่หมายยความว่าอย่างไร ?

          ฟาสซิสต์เป็นคำน่ารังเกียจสนวงการการเมืองสหรัฐฯ ดังนั้นเมือพลเอกจอห์ เคลลี อดีตหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของอดีตประะานาธิบดีโอนัลด์ ทรัมป์ ซี่งเป็นอดีตนาวิกโยธินที่เกษียณอายราชการแล้วกล่าวว่าทรัมป์เขาข่ายคำว่า "ฟาสซิสต์" นั่นจึงถือเป็นข่าวการกระทำดังกล่าวทให้ชื่อของทรัมป์อยุ่ในอุดมการณ์เดียวกันกับนักฟาสซิสต์ที่ฉาวโฉ่ที่สุดอย่าง อดอฟล์ฟ ฮิตเลอร์ และเบนิโต มุสโสลินี ทรัมป์ปฏิเสธแนวคิดดังกล่างและเรียกเคลลีว่า "คนเสื่อมทราม" 

          เมื่อถูกถามที่สษลากลางของ ซีเอ็นเอ็น ที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐ,สมารภูมิ ว่าเธอเห็นด้วยกับเคลลีที่ว่าทรัมป์เป็นพวกฟาสซิสต์หรือไม่ แฮร์ริส ไม่ลังเลที่จะตอบว่า "“Yes, I do. Yes, I do,” เธอกล่าว  เคลลี่ชี้ให้นิวยอร์ก ไทมส์เห็นถึงคำจำกัดความของลัทะิฟาสซิสต์ว่า "ลัทะิฟาสซิสนั้นเป็นนอุดมการ์และการเคลื่นไหวทางการเมืองแบบขชวาจัดและชาตินิยมสุดโต่ง ซึ่งมีลักษณะเด่นคือผุ้นำแบบเผด็จการ ระบอบเผด็จการที่รวยมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ลัทะิทหาร การปราบปรามฝ่ายค้านโดยใช้กำลัง และความเชื่อในลำดับชั้นทางสังคมตามธรรมชาติ"

        ดังนั้นจากประสบการณของผม นั่คือส่งิที่เขาคิดว่าจะใช้ได้ผลดีกว่าในการบริหารอเมริกา เคลลี่กล่าว เคลลี่ยังกล่าวเสริมว่าทรัมป์อยุ่ใน "กลุ่มขวาจัด" และชขื่นชมคนที่เป็นผด็จการ" ซึ่งในมุมมองของเคลลี่ทำให้ทรัมป์อยุ่ใน "กลุ่มนิยามทั้งไปของพวกฟาศซิสต์

         การใช้ทหารเพื่ปิดปากผุ้เห็นต่างมีข้อโต้แย้งที่นาสนใจเพื่อสนับสนุเคลลี ข้อเสนอขงอทรัมป์ว่าเขาสามารถใช้กองทัพเืพ่อต่ต้าน "ศัตรูจากภายใน" ซึงเขากล่าววารวมถึงสมาชิกพรรคเดโแมครต เช่น ส.ส. แนนซี เพโลซี และอดัน ชิฟฟ์ จากแคลิฟอร์เนีย ฟังดุเป็นฟาสซิสต์อย่างแน่นอน ผุ้สนับสนุนพรรครัพับลิกัน ของเขาโต้แย้งวว่านั่นเป็นเพียงการพุดเกินจริง ทรัมป์ต้องการใช้กองทัพเพื่อดขัดขวางการประท้วงในประเทศเมือเขาอยู่ในตำแหน่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่นายพลระดับสุงของเขาในขณะน้น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะเสนาธิการร่วม พลเอกมาร์ก มิลลีย์ ปฏิเสธ ตามรายงานในปี 2021 นอกจาหนี้ มิลลีย์ยังเปรียบเทียบการปฏิเสธการเลือกตั้งของทรัมป์กับ "คำโกหกครังใหญ๋" ของฮิตเลอร์เป็นการส่วนตัวอีกด้วย



        แม้ว่าเขาจะไม่มีความตังใจที่จะใช้กองทัพกับพรรคเดโมแครต แต่เขาก็ีประวัิการพยายามใช้กองทัพเพื่อปราบปรามการประท้วงในสหรัฐฯถือเป็นภัยคุกคามต่อการปราบปรามผุ้เห็นต่าง

         ทรัมป์กล่าวเมื่อเร้ซๆ นี้ว่าเชาจะไลอัยการพิเศษแจ็ค สมิธออก" ภายในสองวินาที" หากเขาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งดุเหมือนจะชัเเจนเนืองจากสมิธได้ฟ้องทรัมป์ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเลือกตังแลการจัดการเอลกสารลับอย่างไม่เหมาะสม

         คดีการแทรกแซงการเลือกต้งถุกเลือนออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการเลือกต้งแ ละมีผุ้พิพกาษาอีกคนยกฟ้องคดีเอกสารลับ แม้ว่าสมิธจะได้ยืนอุทธรณ์ก็ตาม ทรัมป์มีประวัติการไล่เจ้าหน้าที่ที่ซักถามเขาออกเขาไล่เจมส์ โคมีผุ้อำนวนการเอฟบีไอออกตอนที่ดำรงตำปนงประธานาธิบดี เขาไล่เจฟฟ์เซสชั่นส์ อัยการสูงสุดคนแรกของเขาออก หลังจากที่ไม่เียให้อภัย เซสชั่นส์ที่แต่งตงอัยการพิเศษเพื่อสืบสวนการสมคบคิดระหว่างทีมหาเสียงของทรัมป์กับรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งบปี 2016 

         รายงานที่ได้จากอัยการพิเศษโรเบิร์ต มูเลอร์ถุกเรียกว่า "การหลอกลวงเรื่องรัสเซีย" หลายครั้งโดยทรัมป์และพันธมิตรของเขา จนชาวอเมริกันส่วนใหญ่คงจำไม่ได้ว่ามูลเลิอร์ไม่ได้กล่าวโทษทรัามป์ในรายงานอย่างชัดเจนว่าขัดขวางกระบวนการยุติะรรม มุลเลอร์ระบุถึงการติดต่อหลายค่งระหวางทัมหาเสียงของทรัมปืกัรัสเซียในปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียพยายามช่วยเหลือทัมหาเสียงของทรัมป์อย่างจริงจัง มูลเลฃอร์สรุปว่การติดต่อดังกล่าวไม่ได้เขาข่ายการสมคบคิด 

          บิล บาร์ อัยการสูวสุดคนที่สองของทรัมป์ ค่อยๆ เผยแพร่ตายงานของมูลเลอร์เพื่อลดผลกระทบ ต่อมาบาร์ได้ลาออกจากรัฐบาลของทรัมป์หลีังการเลือกตั้งปี 2020 หลังจากปฏิเสธที่จะสนับสนุนทฤษำีสมคบคิดที่ท รัมป์กล่าวหาว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง พรรคเดโมแครตสงสัยว่าใครจะหลืออยุ่คอยรงับความอยากของทรัาป์หากเขาได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง

          หากเขาชนะการเลือกต้ง ทรัมป์ ได้สัญญาว่าจะดำเนิอนการมกขึ้นเพื่อทำสงครามกับส่งิที่เขามองว่าเป็น "รัฐลึก" ของข้าราชการที่กระทรวงยุติธรรม เอๆบีไอ และเพนตากอน เขายังเสนอว่าเขาจะใช้ระบบยุติธรรมเพื่อดำเนินคดีเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งด้วย ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงความสอดคล้องอย่างน้อยกับองค์ประกอบบางส่วนของลัทธิฟาสซิสต์ ซึ่งสร้างขึ้นโดยมีผุ้นำที่เข้มแข็งและปฏิเสธความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยในรัฐบาล แต่ลัทะฟาสซิสต์อาจมีอะไรมากกว่านี้ เช่น การควบคุมเศราฐกิจและสังคมของเยอรมันอย่างสมบูรณ์ ทรัมป์ไม่ได้เสนอแนะอะไรแบบนั้น ทรัมป์ไม่ได้เสนอแนะอะไรแบบนั้น 

         ขณะเดียวกันแอร์ิสกำลังจะเร่ิทติดป้ายให้ทรัมป์เป็นพวกฟาสซิสต์ แต่เขากลับเรียกเธอว่าเป็นพวกมาร์ซิสต์มาตลอดช่วงการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาะิบดี โดยเรียกว่า "สหายกมลา" ....

         ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญรื้อถอน "การเมืองตื่นตระหนก"ของพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับชะตากรรมของประชาะิปไตยภายใต้ทรัมป์

          เรามีระบบประชาธิปไตยที่เก่าแก่และมั่นคงที่สุดในประวัติศาสตร์โล โจนาะาน เทิร์ลลีย์ กล่าว 

          โดย เจ้าหน้าที่ฟ็อกนิวส์ ฟ็อกนิวส์

        ผุ้ร่วมรายการ ฟ็อกนิวส์ โจนาธาน เทิร์ลลีย์ ออกมาวพากษ์วจารณ์ความพยายาม"ทำลายล้างโลก" ของพรรคเดโมแครตในการพยายามสร้างภาพอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ให้เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย โดยเขากล่าวกับรายการ "ฟ็อกซ์ แอนด์ เฟรนด์" ว่ากลวิะีการขู่ขวัยดังกล่าวถือเป็นการ "หมิ่นประมาทรัฐะรรมนูญ" ต่อ "ระบบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก" 

         โจนาธาน อทร์ลีย์ กล่าว นี่เป็นการเมืองแบบตื่นตระหนกที่แฝงไปด้วยกล่ินอายของวันฮาโลวีน ซึ่งคุณคงทราบดีว่า "ถ้าคุณลงคะแนนเสียงไม่เลือกฉัน คุณก็กำลังลงคะแนนเสียงไม่เลือกประชาธิปไตยและชีวิตตามที่คุณรู้จัก สิ่งที่ขาดหายไปจากเรื่องนี้คือความรุ้สึกทางประวัติศาสตร์และกฎหมายรัฐธรรมนุย เป็นเวลากว่าสองศตวรรษแล้วที่เรามีระบอบประชาธิปไตยที่เก้าแก่และมั่นคงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เราผ่านสงคราม วกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตสังคม และเรายังคงดำรงอยุ่มาจนถึงทุกวันนี้ เป็ระบบที่ได้รับการออกแบบให้คงอยุ่ตลอดไป เพราะามีมาตรการป้องกันที่ทับซ้อนกัน การตรวจสอบและถ่วงดุล และระบบไตรภาคี ทั้งหมดนี้ต้องลมเลหงเพื่อให้คำทำนายที่น่ากลัวและทำลายล้างเหล่านี้เป็นจริง และส่งิที่อันตรายเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ การเมืองแบบตื่นตระหนกได้รับการออกแบบมาเพื่อเพบี่ยงเบนความสนใจของผุ้มีสิทธิเลือกตังให้พุดว่าไม่ว่าจะอะไรอีกที่ทำให้คุณกังวลใจก็ตาม ถุกต้องไหม ลงคะแนนเสียงเพือชีวติของคุณเอง เพราะคุณกำลังมองไปที่จุดจบของระบอบประชาธิปไตยและวิถีชีวิตของคุณ เว้นแต่แฮร์ริสจะได้รับการเลือกต้้ง


          ปัญหาคือ คนอเมริกันมีสัญชาตญาณโดยสัญชาตญาณว่าเมือใดที่พวกเขาถุกหลอกให้เป็นคนโง่ การตัดสินใจระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริสไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขา แต่พวกเขาไม่เชื่อ  พวกเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าหลังจากสองศตวรรษแห่งประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างจะต้องจบลงเว้นแต่แฮร์ริสจะได้รับเลือกเป็นประะานาธิบดี

         ประธานาธิบดีไบเดน ย้ำข้อโต้แย้งที่ยาวนานของเขาเมือวันอังคารว่าการเลือกตั้งอีกสมัยของทรัมป์จะเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยของชาติ "ประชาธิปไตยของเราตกอยู่ในอันตราย" เขากล่าวในการประชุมทางการเมืองที่นิวแฮมป์เชียร์ "ลองคิดดูสิ ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้" 

        ไบเดน กล่าวว่า "ฉันรู้ว่ามันฟังดูแปลก ดุเหมือนว่าถ้าฉันพูดแบบนี้เมือห้าปีก่อน คุณคงจับฉันขังคุกแน่ๆ เราต้องจับเขาขังคุก"  แต่ประธานาธิบดีดุเหมือนจะจับตัวเองได้ทันที โดยเสริมวา "ต้องขังเขาไว้ทางการเมือง ขังเขาไว้ข้างนอก นันคือส่ิงที่เราทำได้" 

        รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสเน้นย้ำการเปรียบเทียบทรัมป์กับอดอล์ ฮิตเลอร์ โดยกล่าวในการประชุมสภาของ ซีเอ็นเอ็น เมื่อวันพุธว่าเะอเชื่อว่าทรัมป์เป็น "พวกฟาสซิสต์" "ใช่ ฉันเชื่อ ใช่ ฉันเชื่อ" แฮร์ริสบอกกับผุ้ดำเนินรายการ เมือถูกถามวาเธอเชื่อว่าทรัมป์เป็น "พวกฟาสซิสต์" หรือไม่

        แฮร์ริสกล่าวในรายการ X เมื่อช่วงเช้าของวันพุธว่า "ทรัมป์ต้องการอำนาจที่ไร้การตรวจสอบ" และคล้ายกบเผด็จการนาซีเยอรมัน แฮร์ริสโพสต์ว่า "เขาต้องการกองทัพแบบที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ มี ซึงจะจงรักภักดีต่อเขาไม่ใช่รัฐธรรมนูญเขาเรา เขาเป็นคนไม่มั่นคง ไม่มั่นคง และหากได้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง จะไม่มีใครมาหยุดเขาจากการกระทำตามแรงกระตุ้นที่เลวร้ายที่สุดของเขาได้"

          https://www.foxnews.com/media/constitutional-law-expert-dismantles-democrats-panic-politics-over-fate-democracy-under-trump

          https://edition.cnn.com/2024/10/24/politics/fascism-trump-what-matters/index.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...