ประธานาธิบดี ริชาร์ด เอ็ม. นิกสัน
เคยเป็นรองประธานาธิบดีในสมัย ดไวท์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ประธานนาธิบดีนิกสันเน้นงานด้านการต่างผระเทศมากกว่างานบริหารภายในประเทศ ซึ่งมีส่วนอย่างมากในอันคลี่คลายความตึงเครียดของโลก ความสำเร็จในการดำเนินนโยบายต่างประเทศเกิดจากปัจจัยหลักสองประการคือหนึ่งปรธานาธิบดีนิกสันมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในเรื่องการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และมีผู้ช่วยที่ความรู้วามสามารถคือ ดร.เฮนรี่ เอ. คิสซิงเจอร์ กล่าวคือการแสวงหาแนวทางยุติสงครามเวียดนาม สร้างคามสัมพันะอันดีกับจีนโดยเดินทางไปเยือนจีนในปี 1972 สาม สหรัฐฯลดความตรึงเครียดกับรัสเซียโดยการเยื่อนรุสเซียมีการร่วมลงนามในสนธิสัญญาจำกัดอาวุธยุทธศาสตร์ปี 1972
เข้าร่วมในสงครามเวียดนามโดยการสู้รบในสงครามตัวแทนในขณะที่ฝ่ายเวียดนามเหนือมีรุสเซียและจีนเป็นผู้การสนับสนุนกำลังด้านอาวุธยุทธปัจจัย สงครามดำเนินอยู่เป็นเวลา 8 ปี ด้วยข้อตกลงหยุดยิงปี 1973 เป็นการยุติบทบาทการร่วมสู้รบของกองกำลังอเมริกัน สงครามเวียดนามยุติลงในวันที่ 21 เมษายน 1975 โดยเวียดนามใต้พ่ายแพ้คอมมิวนิสต์เวียดกงและเวียดนามเหนือ ทหารอเมริกันเสียชีวิตเกือบหกหมืนคน บาทเจ็บกว่าสามแสนนาย สูญเสียงินในสงครามกว่าร้อยห้าสิบล้านเหรียญยูเอส. ทหารเวียดนามใต้เสียชีวิตในสงครามราวสองแสนห้าหมือนคน ทหารเวียดนามเหนือและเวียดกงประมาณล้านกว่าคน เวียดนามใต้ถูกนำรวมกับเวียดนามเหนือภายใต้ชื่อประเทศเวียนามและยอมรับลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นแนวทางในการปกครองประเทศ ไซ่ง่อนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นนครโฮจิมิน ลาวและกัมพูชากลายเป็นชาติคอมมิวนิสต์
ความสัมพันอันดีกับจีน สหรัฐไม่การรับรองในเอกราชของประเทศสาธารณรับประชาชนจีนและเรียกร้องสาธารณรับประชาชนจีนว่าจีนคอมมิวนิสต์หรือจีนแดง และยับยั้งทุกครั้งเมือสาธารณรัฐประชาชนจีนเสนอตัวเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ขณะเดียวกันให้การรบรองในเอกราชของสาธารณรัฐจีน จัดตั้งที่เกาะไต้หวันมีกรุงไทเปเป็นเมืองหลวงโดยกลุ่มจีนประชาธิปไตยภายใต้การนำของเจียง ไค เชค จีนคอมมิวนิสต์มีเพียงรุสเซียเป็นพันธมิตร
สหรัฐอเมริกาเห็นความจำเป็นต้องเสริมสร้างความสัมพันะอันดีกับจีนด้วยเหตุผลประการที่หนึ่งเพื่อแสดงการยอมรับในเอกราชของจีนคอมมิวนิสต์ สองเพื่อให้จีนคอมมิวนิสต์ลดหรือเลิกหนุนเสริมเวียดนามเหนือ และสามเพื่อให้จีนคอมมิวนิสต์และรุสเซียหวาดระแวงกันเองในความสัมพันะที่มีต่อสหรัฐฯ และเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของจีนคอมมิวนิสต์ สหรัฐกำหนดแนวทางสร้างความสัมพันะกับจีนคอมมิวนิสต์..
ลดความตรึงเครียดกับรุสเซียโดยการเดินทางเยื่อนรุสเซียในเดือนพฤษภาคม 1972
การเยือนรุสเซียนำสู่การลงนามร่วมกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับรุสเซียในสนธิสัญญาจำกันอาวุธยุทธศาสตร์ ปี 1972 และพัฒนาความสัมพันะด้านการค้าความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์และรักษาสภาพแวดล้อม เหตุที่มาของการเยือนรุสเซียเนื่องจากรุสเซียช่วงนี้ภายใต้การนำของ ลีโอนิค ไอ.เบรสเนฟ เศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก รุสเซียจึงเห็นความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายสร้างความสัพันธ์อันดีกับกลุ่มประเทศโลกเสรีและผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างตะวันออกและตะวันตก ภายใต้ชื่อเดทานเต้ ตัวแทน 62 ชาติทั้งที่มีนิวเคลียร์ในครอบครองและไม่มีนิวเคลียร์ในครอบครองรวมทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และรุสเซยได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาไม่เผยแพร่นิวเคลียร์ และชาติที่ยังไม่มีนิวเคลียร์ในครอบครองจะหยุดการคิดค้นนิวเคลียร์
ยุติปัญหาเบอร์ลินด้วยข้อตกลงปี 1971 สืบเนื่องจากในวันที่ 21 กันยายน 1949 ดินแดนเยอรมันในส่วนทางตะวันตกภายใต้การดูแลของสามชาติตะวันตก ประกาศจัดตั้งประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอมนีหรือเยอรมันตะวันตก มีกรุงบอนน์เป็นเมืองเหลวง ดินแดนเยอมนีในส่วนทางตะวันออกภายใต้การดูแลของ
รุสเซียประกาศจัดตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนีเหรือเยรมนีตะวันออกเป็นเมืองหลวงในส่วนเบอร์ลินตะวันตก คงมีกองกำลังสมชาติประจำการอยู่ เพราะเศรษฐกิจตกต่ำและไม่พอใจในการปกครองในลัทธิคอมมิวนิสต์ทำให้คนในเยอรมันตะวันออกพากันอพยพเข้าเยอรมันตะวันตก อันเป็นกาบ่งชี้ถึงความล้มเหลวในเศรษฐกิจและการปกครองของเยอรมันตะวันออก เป็นผลให้ในเดื่อสิงหาคม รัฐบาลเยอมันตะวันออกสร้างกำแพงเบอร์ลินกั้นระหว่างเบอร์ลินตะวันตกกับเบอร์ลินตะวันออกและเยอรมันตะวันออก ขณะเดียกันรัฐบาลเยอมันตะวันออกและรุสเซียภายใต้การนำของครุสซอฟประกาศขู่จะปิดทุกเส้นทางคมนาคมจากเยอรมันตะวันออกสู่กรุงเบอร์ลินตะวันตก เพื่อบีบกองกำลังสามชาติตะวันตกให้ถอนออกจากเยอรมันซึ่งเป็นการเพิ่มความตรึงเครียดระหว่งโลกคอมมิวนิสต์และโลกเสรี
เมื่อรุสเซียอยู่ภายใต้การนำของลีโอนิค ไอ. เบรสเนฟ ผุ้ยึดมั่นในนโยบายผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างโลกคอมมิวนิสต์กับโลกเสรี นำสู่การแก้ไขปัญหาเบอร์ลินในปี 1971 ด้วยข้อตกลงเบอร์ลินปี 1971 กำหนดทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศษ สหรัฐอเมริกา และรุสเซีย ยุติการคุกคามแทรกแซงด้านการคมนาคมระหว่างกรุงเบอร์ลินและเยอรมันตะวันตก รวมทั้งให้การยอมรับในเอกราชของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอมันและสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมันด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น