วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Political philosophy


           ปรัชญาการเมือง หรือ ทฤษำีการเมือง คือการ ศึกษาเชิงปรัชญาของรัฐบาลโดยจะกล่าวถึงประเด็น
ต่างๆ เกี่ยวกับธรรมชาติ ขอบเขต และความชอบธรรมของตัวแทรนแลสถาบันของรัฐ และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา หัวข้อต่างๆ ได้แก่การเมือง ความยุติธรรม เสรีภาพ ทรัพย์สิน สิทธิกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายโดยผุ้มีอำนาจสิงเหล่านี้คืออะไต จำเป็น หรือไม่ อะไรทำให้รัฐบาลมีความชอบธรรมสิทะิและเสรีถาำใดบ้าง ที่รัฐบาลควรปกป้อง ความีรุปแบบอย่างไร กฎหมายคืออะไร ละประชานมีหน้าทีใดบ้างต่อรัฐบาลที่มีความชอบธรรม และเมือใดที่รัฐบาลอาจถูกโค่นล้มโดยชอบธรรม หากเป็นไปได้

            ทฤษฎีการเมืองยังเกี่ยวข้องกับคำถามที่มี ขอบเขต กว้างขึ้น โดยเกี่ยวข้องกับ ธรรมชาติทางการเมืองของปรากฎการณืและหมวดหมุ่ต่างๆ เช่นอัตลักษณ์วัฒนธรรมเพศเช ้อชติความมั่งคั่งความสัมพันธืระหวางมนุษย์กับสิ่งอื่นๆ จริยะรรมศาสนาและอื่นๆอีกมากมาย

           รัฐศาสตร์ซึ่งเป็นการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเมืองมักใช้ในรูปเอกพจน์แต่ในภาษาฝรั่งเศสและสเปน จะใช้รูปพหุพจน์ ซึ่งอาจะท้อนให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของสาขาวิชานี้

           ปรัชญาการเมืองเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญา แต่ยังมีบทบาทสำคัญในรัฐศาสตร์ด้วยโดยมีการให้ความสำคัญอย่างมากกับประวัติศาสตร์ความคิดทางการเมืองและทฤษฎีการเมืองรวมสมัย

          ปรัชญาการเมืองมีการศึกษากันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ ทว่าตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงปี 1971 เมือจอห์น รอลส์ ตีพิมพ์ A Theory of Justice ปรัชญาการเมืองก็เสื่อมถอยลงในโลกวิชาการของอังกฤษ-อเมริกา เนืองจากนักปรัชญาเชิงวิเคราะห์แสดงความสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทีการตัดสินเชิงบรรทัดฐานจะมีเนือหาเชิงความรู้ และรัฐศาสตร์หันไปใข้วิธีการทางสถิติและพฤติกรรมนิยม ในทางกลับกัน ในยุโรปแผ่นดินใหญ่ ทศวรรษหลังสงครามได้เห็นการเจริญรุ่งเรืองของปรัชญาการเมืองอย่างมาก โดยมี ลัทธิมากซ์ครอบงำสาขานี้ โลกในยุคนั้นเป็นช่วงเวลาของ ฌอง-ปอล ซาร์ตร์และหลุยส์ อัลธู สเซอร์ และชัยชนะของเหมาเจ๋อตุง ในจีน และฟิเดล คสาดตรในคิวบา รวมถึงเหตุกาณ์ในเดื่อนพฤษภาคม 1969 ซึ่งนำไปสู่ความสนใจในอุดมการณืปฏิวัติที่เพ่ิมมากขึ้นโดยเแฑาะกลุ่ม นิวเลฟต์ ผุ้อพยพชาวยุโรปแผ่นดินหใญ่ไปยังบิรเตนและสหรัฐอเมริกา จึงมีการสนับสนุนให้มีการศึกษาปรัชญาการเมืองอย่างต่อเนื่องในโลกแองโกล-อเมริกา แต่ก็ยังคงมีความขัดแย้งกับสถาบันเชิงวิเคราะห์...

         ...ลัทธิคอมมิวนิสต์ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษท 1950 และ 1960 ลัทะิล่าอาณานิคมและการเหยียดเชื้อชาติเป็นประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้น ดดยทั่วไปมีแนวโน้มที่ชัดเจนในการใช้แนวทางเชิงปฏิบัติต่อประเด็นทางการเมือง มากกว่าแนวทางเชิงปรัชญา การอภิปรายทางวิชาการจำนวนมากพิจารณาถึงหัวข้อเชิงปฏิยัติหนึ่งหรอืทั้งสองหัวข้อ ได้แก่ วิธี (หรือว่า) จะนำแนวคิดประดยชน์นิยม ไปใช้กับปัญหาของนดยบายการเมือง หรือ วิธี(หรือวา) จะนำแบบจำลองทางเศราฐกิจ (เช่นทฤษำีการเลือกที่มีเหตุผล)ไปใช้กับประเด็นทางการเมือง กาเพ่ิมขึ้นของบัทะิสตรีนิยมการเคลื่อนไหวทางสังคมของกลุ่ม รักร่วมเพศ และการสิ้นสุดของการปกครองแบบอาณานิคมและการกีดกันทางการเมืองของชนกลุ่มน้อย เช่นชาวแอฟริกันอเมริกัน และชนกลุ่มน้อยทางเพศในโลกที่พัฒนาแล้ว ทำให้ความคิดของลัทะิสตรีนิยมหลังอาณานิคมและพหุวัฒนธรรมมีความสำคัญ สิ่งนี้ทำให้ชาร์ลส์ ดับเบิลยุ มิสส์ นักปรัชญา และ แคโรล เพตแมน ท้าทายสัญญาทางสังคมในหนังสือของเขาและเธอว่า สัญญาทางสังคมกัดกันบุคคลที่มีสีผิวและผุ้หญิงตามลำดับ

        ในปรัชญาการเมืองแบบวิชาการของแองโกล-อเมริกัน การตีพิม "อะ เธียรี ออฟ จัสติก" ของ จอห์น รอวลส์ ถือเป็นเหตุากรณืสำคัญ รอวลส์ ใช้การทดลองทางความคิด ซึ่งเป็นจุดยืนตั้งเดิมดดยที่พรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนเลือกหลักการแห่งความยุติะรรมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของสังคมจาเหบื้องหลังม่านแห่งความไม่รู้ รอวลส์ ยังเสนอคำวิจารณืเกี่ยวกับแนวทางประโยชน์นิยมต่อคำถามเกี่ยวกับความยุติธรรมทางการเมืองอีกด้วย "โรเบิร์ต โนซิค ตอบสนองต่อ "รอวลส์" จากมุมมองของเสรีนิม ด้วยงานเขียนของเขาซึ่งได้ับรางวัลและความนับถือทางวิชาการสำหรับมุมมองเสรีนิยม

       ในเวลาเดียวกันกับที่จริยะรรมเชิงวิเคราะห์ให้ความคิดแบบแองโกล-อเมริกัน เร่ิมปรากฎขึ้นในยุโปร มีแนวปรัชญาใหม่หลายแนวที่มุ่งวิจารณืสังคมที่มีอยุ่  ส่วนใหญ่ใช้องค์ประกอบของการวิเคราะห์เศราฐกิจแบบมาร์กาซิสต์ แต่ผสมผสานเข้ากับการเน้นทางวัฒนะรรมหรอือุดมการ์มากขึ้น Guy Debord ได้นำการวิเคราะห์ของลัทะิมาร์กซิสต์เกี่ยวกับ การหลงไหลในสินค้าโภคภัณฑ์มาสู่ขอบเขตของการบริโภค และพิจารณาความสัมพันธ์ระหวางการบริโภคนิยมแลการก่อตัวของอุดมการณ์ที่ครอบงำ

       การอภิปรายอีกกรณีหนึ่ง อภิปราย ระหวางเสรีนิยมและชุมชนนิยม มักถุำมอง่ามีค่าในการสร้างปัญหาทางปรัชญาชุดใหม่ มากกว่าที่จะเป็นการปะทะกันของมุมอง ี่ลึกซึ้งและแจ่มแจ้ง ชุชนนิยมเหล่านี้และชุมชนนิยมอื่นๆ โต้แย้งว่า ขุมขนมีความสำคัยเหนือปัจเจกบุคคล ดังนั้นจึงควรเป็นศุนย์กลางของความสนใจทางการเมืองชุมใชนนิยมมักสนับสนุน การควบคุมในื้องถ่ินมากขึ้น รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งเสริมการเติลโตของทุนทางสังคม

          มุมมองทางการเมืองทีทับซ้อนกันสองประการที่เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ได้แก่รีพับลิกันนิสม์ หรือ สาธารณชนแบใหม่หรือแบบพลเมืองป และแนวทางความสามารถ ขบวนการ สาธารณะที่ฟื้นคืนชีพมีเป้าหมายที่จะให้คำจำกัดความทางเลือกของเสรีภาพจาก รูปแบบเสรีภาพเชิงบวกและเชิงบลของ ไอเซย์ เบอร์บิน นั้นคือ "เสรีภพาในฐานะการไม่ครอบงำ" ซึ่งแตกต่างจากขบวนการเสรีนิยมอเมริกันที่เข้าใจเสรีภาพว่าเป็น "การไม่แทรกแซง" "การไม่ครอบงำ" หมายถึงปัจเจกบุคลที่ไม่ตกอยู่ภายใต้เจตจำนงตามอำเภอใจของบุคคลอื่น ...

           เสรีนิยม เป็นปรัชญาทางการเมืองและศีลธรรมที่ยึดตามสิทธิของปัจเจกบุคคลเสรีภาพความยินยอมของผุ้ปกครอง ความเสมอภาค ทางการเมือง สิทธิในทรัพย์สินส่วนบุคคล และความเสมอภาคทางกฎหมาย เสรีนิยมสนับสนุนมุมมองที่หลากหลายและมักขัดแย้งกันข้นอยุ่กับความเข้าใจของพวกเขาเกี่วกับหลักการเหล่านั้น แต่โดยทั่วไปสนับสนุนทรัพย์สินส่วนบุคคลเศรษฐกิจตลาดสิทธิส่วนบุคคล(รวมถึงสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชน) ประชาธิปไตยเสรีนิยมฆราวาสหลักนิติะรรม เสรีภาพทางเศรษฐกิจ และการเมือง เสรีภาพในการพุด เสรีภาพของสื่อ เสรีภาพในการชุมนุม และเสรีภาพในการนับถือศาสนา  เสรีนิยมมักถุกอ้างถึงว่่าเป็นอุดมการณืทีโดดเด่น ของประสวัติศาสตร์สมัยใหม่

           เสรีนิยมกลายเป็น กระแสหลักในยุคแห่การตรัสรุ้ซึ่งได้รับความนิยมในสหมุ่นักปรัชญาและนักเศรษฐศาสตร์ชาวตะวันตก เสรีนิยมพยายามแทนที่บรรทัดฐานของสิทะิิเศษทางกรรมพันนธุ์ ศาสนาประจำรัฐราชาธิปไตยสมบุรณาญาสิทะิราชย์ สิทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์และการอนุรักษ์นิยมแบบดั้งเดิมด้วย ประชาธิปไตยแบบมีตัวแทน หลักนิตะธรรทม และความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายเสรีนิยมยังได้ยุตินโยบาย การค้าขาย การผุกขาดของราชวงศ์ และอุปสรรคทางการค้าอื่นไ โดยส่งเสริมการค้าเสรีและการตลาดแทน นักปรัชญา จอห์น ล็อก มักไ้รับการยกย่องว่าเป็ฯผุ้ก่อตั้งเสรีนิยมในฐานะประเพณีเฉพาะที่อิงตาม สัญญาทางสังคม โดดยให้เหตุผลว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิตามธรรมชาติในการมีชีวิต เสรีภาพ และทรัพย์สิน และรัฐบาลจะต้องไม่ละเมิดสิทธิเหล่านี้ ในขณะที่ประเพณีเสรีนิยมของอังกฤษเน้นที่การขยายประชาธิปไตยโดยเสรีนิยมของฝรั่งเศสเน้นที่การปกิเสธอำนาจนิยมและเชื่อมโยงกับการสร้างชาติ

          ผุ้นำในการปกิวัติอันรุ่งดรจน์ของอังกฤษ การปกิวัติอเมริกา และการปฏิวัติฝรั่งเศส ใชัปรัชญาเสรีนิยมเพื่อเป็นเหตุผลในการ้มล้างอำนาจ อธิปไตยของราชวงศ์ ด้วยอาวุธ 

          ในช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ลัทธิเสรีนิยมในจักรวรรดิออออตโตมันและตะวันออกกลางมีอิทธิพลต่อช่วงเวลาแห่งการปฏิรูป เช่นทันซิมัน และอัลนาห์ดา และการเพื่ิมขึ้นของรัฐะรรมฯูญชาตินิยมและลัทธิฆราวาส การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ช่วยสร้างความรุ้สึกถึงวิกฤตภายในศาสนอิสลาม ซงยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ นำไปสู่การฟื้นฟุอ่ิสลามก้่อนปี 1920 ฝ่ายตรงข้ามทางอุดมการณ์หลักของเสรีนิยมคือลัทะฺคอมมิวนิสต์ลัทะิอนุรักษ์นิยมและลัทะิสัีงคมนิยม เสรีนิยมเผชิญกับความท้าทายทางอุดมการณ์ครั้งใหญ่จากลัทะิาสซิสต์ และลัทะิมาร์กซ์-เลนิน ในฐานฝ่ายตรงข้ามใหม่ ในช่วงศตวรรษที่ 20 แนวคิดเสรีนิยมแพร่หลายไปไกลย่ิงขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปตะวันตก เนื่องจากประชาธิปไตยเสรีนิยมพบว่าตนเองเป็นผุ้ชนะในสงครามโลกทั้งสองครั้งและในสงครามเย็น

        เสรีนยิมแสงหาและจัดตั้งระเบียรัฐธรรมนูญให้ความสำคัญกัเสรีภาพส่วนบุคคลที่สำคัญ เช่นเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพในการวมตัว ตุลากรอิสระแ ะลการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน และการยกเลิกสิทธิพิเศษของชนชั้นสูง คลื่นความคิดและการต่อสู้ของเสรีนิยมสมัยใหม่ในเวลาต่อมาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากความจำเป็นในการขยายสิทธิพลเมือง เสรีนิยมสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและเชื้อชาติในการผักดันเพื่อส่งเสริมสิทธิพลเมือง และขบวนการสิทธิพลเมือง ทั่วโลก ในศตวรรษที่ 20 บรรลุวัตุประสงค์หลายประการเพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งสอง เป้าหมายอื่นๆ ที่เสรีนิยมมักยอมรับ ได้แก่สิทธิเลือกตั้งทั่วไป และการเข้าถึงการศึกษาทั่วไปในยุดรปและอเมริกาเหนือ การก่อตั้งเสรีนิยมทางสัังคม(มักเรียกง่ายๆ ว่า เสรีนิยมในสหรัฐอเมริกา)กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขยายรัฐ สวัสดิการ ปัจจุบันพรรคเสรีนิยมยังคงสช้พลังและอทิธิพลทั่วโลกองคืประกอบพื้นฐานของสังคมร่วมสมัย มีรากฐานมาจากเสรีนิยมคลื่อลูกแรกของลัทธิเสรีนิยมทำให้ลัทะิปัจเจกนิยมทางเศรษฐกิจเป็นที่นยมในขณ๖ะที่ขยายอำนาจการปกครองตามรัฐะรรมนูญและอำนาจ

            สังคมนิยมประชาธิปไตย ปรัชญาทางการเมืองสังคมและเศรษฐกิจในสังคมนิยม ที่สนับสนุน ประชาธิปไตยทางการเมืองและเศษฐกิจและสนับสนุนแนวทาง แบบค่อยเป็นค่อยไปปฏิรูปและประชาธิปไตย เพื่อบรรลุสังคมนิยมในทางปกิบัติ สังคมประชาธิปไตยมีรุปแบบหนึ่งของ ระบบทุนนิยมสวัสดิการ ที่บริหารจัดการโดยสังคม ซึ่บรรลุผลได้ด้วยการเป็นเจ้าของสาะารณะบางส่วน การแทรกแซง ทางเศรษฐกิจและนดยบายที่ส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางสังคม

            ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมยึดมั่นในความมุ่งมี่นต่อประชาะิปไตยแบมีตัวแทนและแบบมีส่วนร่วม เป้าหมายร่วมกัน ได้แก่ การลดความไม่เท่าเทียมกันการขจัดการกดขี่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส การขจัดความยากจนและการสนับสนุนบริการสาธารณะที่เข้าถึงได้ทัี่วไป เช่นการดุแลเด็กการศึกษาการดุแลผุ้สูงอายุการดุแลสุขภาพและ ค่าชดเชยแรงงาน ในทางเศราฐกิจ ประชาธิปไตยสนับสนุนการกระจายรายได้และการควบคุมเศราฐกิจใน ผลประโยชน์สาธารณะ

            ประชาธิปไตยทางสังคมมีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้กและยาวนานกับสหภาพแรงงานและขบวนการแรงงาน โดยรวมนอกจากนี้ยังสนับนุนมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการตัดสินใจที่เป็นประชาะิปไตยมากขึ้นในแวดวงเศรษฐกิจรวมถึงการ่วมกำหนด สิทธิในการต่อรองร่วมกันสำหรับคนงาน และการขยายความเป็นเจ้าของให้กับพนักงานและผุ้มีสวนได้ส่วนเสียอื่นๆ 

           สังคมประชาะิไตยย้อนกลับไปถึงขบวนการแรงงานในศตวรรษที่ 19 เดิมที่เป็นคำรวมสำหรับนักสังคมนิยมที่มีแนวโน้มแตกต่างกัน หลังจาการปฏิวัติรัสเซียคำนี้จึงหมายถึงนักสังคมนิยมปฏิรูปที่ต่อต้านรุปแบบ สังคมนิยม แบบเผด็จการและรวมอำนาจของสหภาพโซเวียตในยุคหลัสงคราม สังคมประชาธิปไตยยอมรับ เศรษฐกิจแบบผสม มี่มี ทรัพย์สินส่วนตัวเป็นหลัและสนับสนุนการควบคุมทุนนิยมแทรที่จะแทนที่ด้วยระบบเศรษฐกิจ สังคมนิยมที่มีคุณภาพต่างกัน ตั้งแต่นั้นมา สังคมประชาะิไตยมีความเกี่ยวกับเศราฐศาสตร์แบบเคนส์ โมเดลนอร์ดิกและรัฐสวัสดิการ

         สังคมประชาะิปไตยถุกอะิบายวว่าเป็นรุปแบบที่พบได้บ่อยที่สุดของสังคมนิยมตะวันตกหรือสมัยใหม่ ในหมู่ักสังคมประชาธิปไตย ทัศนคติต่อสังคมนิยมแตกต่างกันไปบางคนบังคงรักาาสังคมนิยมไว้เป็นเป้าหมายระยะยาว ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นอุดมคติทางจริยะรรมในการขั้นำการปกิรูปในระบบทุนนิยม วิธีหนึ่งที่สามารถแยแยะสังคมประชาธิปไตยจากสังคมนิยมประชาธิปไตยได้ก็คือ สังคมประชาธิไตยมุ่งหวังที่จะสร้าสมดุลโดยสนับสนุนเศรษฐกิจตลาดผสม ที่ทุนนิยมได้รับการควบคุมเพื่อแก้ไขความไม่เท่าเทียมกันผ่านดครงการสวัสดิการสังคม โดยสนับสนุนการเป็นเจ้าของส่วนตัวด้วยกาเน้นย้ำอย่างหนักแน่นในตลาดที่มีการควคุมอย่างดี ในทางกลับกันสังคนิยมประชาธิปไตยเน้นย้ำมากขึ้นในการยกเลิการเป็นเจ้าของทรัพย์สินส่วนตัวอย่างไรก็ตาม ความแตกต่างยังคงไม่ชัดเขน และคำนี้มักใชัแทนกัน

            เสรีนิยมใหม่ เป็นคำที่ใช้เพื่อแสดงถึงการกลับมาปกรากฎของแนวคิดของศตวรรษที่ 19 ที่เกี่ยวกับทุนนิยมตลาดเสรีในทงการเมืองในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 คำนี้มีความหมายที่ขัดแย้งกันมากมายและมักใช้ในเชิงลบ ในการใช้งานทางวิชาการ คำนี้มักไม่มีการกำหนดความหายหรือใชัอะิบายปรากฎการณ์ที่หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ใช้เพื่ออธิายการเปลี่นแปลงของสังคมอันเนื่องมาจากการปฏิรุปที่อิงตามตลาด

            ในฐานะปรัชญาเศรษฐศาสตร์ ลัทะิเสรีนิยมใหม่เกิดขึ้นในหมู่นักวิชาการ เสรีนิยมยุโรปในช่วงทศวรรษท 1930 ดดยพวกเขาพยายามที่จะฟื้่นคือนและต่ออายุแนวคิดหลักของเสรีนิยมแบบคลาสสิกเนืองจากพวกเขาเห็นว่าแนวคิดเหล่รนี้ลดความนิยมลง ถุกแทนที่ด้วยความปรารถนาที่จะควบคุมตลาดหลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งหใญ่และแสดงออกมาในนดยบายที่ออกแบบมาเพื่อรับามือกับความผันผวนของตลาดเสรี แรงผลักดันประการหนึ่งในการกำหนดนดยบายเพื่อบรรเท่า ความผันผวนของตลาดเสรี แบบทุนนิยม คือความปรารถนาที่จะหลคกเลี่ยงการเกิดความ้ล้มเหลวทางเศราฐกิจซ้ำรอยในช่วงต้นทศวรรษ 1930 ซึ่งบางครั้งความล้มเหลวมักเกิดจากนโยบายเศรษฐกิจของเสรีนิยมแบบคลาสสิกเป็นหลักในการกำหนดนดยบาย ลัทะิเสรีนิยมใหม่นมักหมายถึงสิง่ที่เป็นสวนหนึ่งของการเลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่เกิดขึ้นหลังจากความล้มเหล่วที่รับรุ้ได้ของฉัทามติหลังสงครมมและเศรษบกิศาสตร์นีโอคีนส์ในการแก้ไขปัญหาภาวะเศรา.ฐกิจตกต่ำพร้อมภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงทศวรรษ 1970 การล่ามสลายของสหภาพโวเวียตและการสิ้นสุดของสงครามเย็นยังทำสให้ลัทะิเสรีนิยมใหม่ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกอีกด้วย

           แนวทางที่สาม หรือที่รุ้จักกันในชื่อประชาธิปไตยสังคมสมัยใมห่ เป็นจุดยืนทางการเมืองที่เป็นกลาง อย่างโดดเด่น ซึ่งพยายามที่่ประสาน การเมือง ฝ่ายกลางขวา( กลุ่มอุดมการณืทางการเมืองฝ่ายขวาที่เอนเอียงไปทางการเมืองฝ่ายกลางมากขึ้น มักเกี่ยวข้องกับอนุรักษนิยมประชาธิปไตยคริสเตียนอนุรักษ์นิยม เสรีนิยมา และเสรีนิยมอนุรักษ์นิยม พรรคการเมือง ่ายกลางขวาอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยมมักประสบความสำเร้จมากกว่าในกลุ่มประเทศที่พุดภาษาอังกฤษ ในขณะที่ประขาะิไตยคริสเตียนเป็นอุดมการฝ่ายกลางขวาหลักในยุโรป) และ ฝ่ายกลางซ้าย (เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองฝ่ายซ้ายที่เอนเอียงไปทางการเมืองฝ่ายกาง และสอดคล้องกับแนวคิดก้าวหน้า อุดมการณ์ของฝ่ายกลางซ้ายได้แก่ประชาธิไตยสังคมเสรีนิยม สังคมและการเมืองสีเขียว แนวคิดที่ฝ่ายกลางซ้ายสนับสนุนโดยทั่วไปได้แก่ทุนนิยม สวัสดิการ ความยุติธรรม ทางสังคม เสรีนิยม ระหว่างประเทศและพหุวัฒนธรรมในทางเศราฐกิจ ฝ่ายกลางซ้ายสนับสนุนเศรษบกิจแบบผสมผสานในระบบ ทุนนิยมประชาธิปไตยซึ่งมักรวมถึงการแทรกแซงทางเศราฐกิจแารเก็บภาษีแบบก้ายหน้าและสิทธิในการวมตัวเป็นสหภาพการเมองฝ่ายกลางซ้ายมีความแตกต่างกับการเมืองฝ่ายซ้ายจัดที่ปฏิเสธทุนนิยมหรือสนับยสนุนการปฏิวัติ) เข้าด้วยกัน โดยผสมผสานนดยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมและประชาะิปไตยสังคมเข้ากับนะยบายสังคมวฝ่ายกลางซ้าย

              แนวทางน้เป็นการสร้างแนวคิดใหม่ให้กับประชาธิปไตยทางสังคมและจัดวางตำแหน่งไว้ทางขวาของฝ่าย กลาง-ซ้าย โดยสนับสนุนงาน สวัสดิการ แทนสวัสดิการโปรแกรมฝึกอบรมการทำงาน โอากสทางการศึกษา และโปรแกรมอื่นๆ ของรัฐบาลที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนแทนการแจกเงิน แนวทางที่สามนี้ต้องการหาทางประนีประนอมระหว่างระบบเศรษฐกิจที่แทรกแซงน้อยลง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากลุ่มเสรีนิยมใหม่และนโยบายการใช้จ่ายตามแนวทางสังคมประชาธิปไตยแบบเคนส์ ซึ่งได้รับการสนับสนนุจ จากกลุ่มสังคมประชาธิปไตย และกลุ่มก้าวหน้า

              ที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/Political_philosophy

                       https://en.wikipedia.org/wiki/Political_philosophy

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...