วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Vietnam War "Second Indochina War"

          การเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 1960 จอห์น เอฟ.เคนเนดี จากแมสซาซูเซตส์ได้รับการเลือกตั้ง สะท้อนการเปลียนแปลง ในกรหาเสียงที่เคนเนดีสามารุครองใจผู้มีสิทธิเลือกตั้รุ่นใหม่ ในวาระที่เขาเรียกว่า "นิว ฟ
รอนเทีย" เคนเนดีเสนอโครงการทาสังคมและดครงการสาะารณูป๓คมากมาย พร้อมกับการสนับสนุนโครงการอวกาสที่เพิ่มขึ้น เขาผลักดันการิรเริมด้านสิทธิลเมืองและเสนอพระราชบบัญญัติสิทธิพลเมืองปปี 1964 แต่เมือเขาถุกลอบสังหารเมื่อ พฤศจิการยน 1963 เขาก็ไม่สามารถเห็นการผ่านพระราชบัญญัตินี้ได้ "ลินดอน บี.จอห์นสัน" สืบทอดตำกน่งของเคนเนดี สามารถดน้มน้าวให้สภาคองเกรสซึ่ส้วนใหญ่อนุรักษ์นิยมผ่านพระราชบัญญํติสิทธิพลเมืองปี 1964 และด้วยสภาคองเกรสที่ก้าวหน้ากว่าในปี 1965 จึงผ่าน "เกรท โซไซตี้" รวมถึง "เมดิแคร์" ซึ่งเประกอบด้วยโปรแกรมทางสังคมมากมาย ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือคนจน คนป่วย ผุ้สูงอายุ การสนับสนุนสิทะิพลเมืองของเคนเนดีและจอห์สันทำให้คนผิวดำสนับสนุนพรรคเดโมแครตมากขึ้น แต่มีผลทำให้คนผิวขาวทางใต้ไม่พอใจ ซึ่งในที่สุดจก็โน้มเอียงไปพรรครีพัลิกัน (หลังจากโรนัลด์ เรแกร ได้รับเลือกเป็นประะานาธิบดีในปี1980 พรรคเดโมแครตทางใต้ที่เป็นอนุรักษ์นิยมจำนวนมากได้เปลี่ยนมาเข้าพรรครีพับลิกัน ดดยเร่ิมตั้งแต่การผ่านพระราชบัญญํติสิทธิพพลเมืองปี 1964 และการเปลี่ยนแปลงของพรรคไปทางซ้ายโดยทั่วไป

          การที่สหรัฐฯเข้าไปมส่วร่วมในสงครามเวียดนามในทศวรรษที่ 1960 เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความแตกแขกให้กับแนวร่วมของพรรคเดโมแครต หลังจากมีมติอ่าวตังเกี๋ยในปี 1964 ประธานาธิบดีจอห์นสันได้สงกอกำลังรบจำนวนมากไปยังเวียดนามแต่การยกระดับความรุนแรงไม่สามารถขับไล่เวียดกงออกจากเวียดนามใต้ได้ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้าย มากขึ้น..ที่มา : วิกิพีเดีย

          หลังจาที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในต่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ฝรั่งเศสก็ได้อาณานิคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่นมา อย่างไรก็ตาม อินโดจีนของฝรังเศสต้องการเอกราช ในขณะที่ขบวนการต่อต้านอาณานิคมที่เติบโตขึ้นได้แผ่ขยายไปทั่วแอฟริกาและเอเชีย ฝรั่งเสศได้ต่อสุ้เพื่อรักษาการควบคุมเวียดนามไว้ รวมึถงด้วยความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ..ความกลัวที่แพร่กล่ยต่ออาณานิคมนำไปสู่การขยาย


ตัวของลัทะิคอมมิวนิสต์ 

         ความพยายามกว่าทศวรรษของสหรัฐน ในการสร้างเวียดนาใต้เพราะทั้งดไวด์ไปเซนอาวร์ และ จอห์น เคนเนดี้ ต่างก็มองว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อควมมั่นคงของสหรัฐฯ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี  ประธานาธิบดี จอห์นสันรุ้สึกว่าจำเป็นต้องสานต่อันธกรณีของอเมริกาที่มีต่อภูมิภาคนี้ต่อไป โดยระหว่างปี 1963-1965 การตัดสินใจด้านนะยบายต่างประเศหลายครั้งนำมาซึ่งความขัดแย้งที่ีทวีความรุนแรง อย่างไรก็ตาม เขายังมองว่าเป็นการผลักดันการปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่ด้วย เขากังวลว่าการทำสงครามขนาดใหญ่จะมีผลต่อคะแนนเสียงของเขาในการเลื่อกตั้งประธานาธิบดีในปี 1964 เขาตระหนังอย่างรวดเร็วว่า การรักษาสมดุลระหว่าผลประโยชน์ของอเมริกาฯในประเทศและต่างประเทศจะทดสอบทักษะทางการเมืองของเขา

           การมีส่วนร่วมของ สหรัฐฯ ในสงครมเวียดนาม เร่ิมขึ้นไม่นานหลังจากสิ้นสุดสงครามดโลกครั้งที่ 2 ในเอเชีย ด้วยปัจจัยหลายประการ อาทิ สงคราามของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นในแปซิฟิก แรงกดดันภายในประเทศเพื่อให้ดำเนินการต่อต้านคอมมิวนิสต์ หลังจากชัยชนะของคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองจีน คำมั่นสัญญาของ โจเซฟ สตาลิน และเหมาเจ๋อตุง ในปี 1950 ที่จะสนับสนุนกองกำลังกองโจรเวียดมินห์ ในสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่งเพื่อต่อต้านการปกครองอาณานิคมของฝรั่งเศส และข้อสรุปที่ไม่เด็ดขาดของ สงครามเกาหลี อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอการสนับสนุนเวียดมินห์ของสตาลินและเหมา ได้เปลี่ยนพลวัตของสนามรับและลักษณะทางภูมิรัฐศาสตร์จาการต่อสู้เืพ่อเอกราชให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสงครามเย็น 

           กันยายน 1950 สหรัฐฯ เร่ิมส่งเสบียงให้ฝรั่งเสศ ตั้งแต่ปี 1950-1954 ทุ่มเงินกมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์เข้าสุ่สงคราม โดยสนับสนุนมากกว่า 80% ของต้นทุนวัสดุ" ในช่วงเวลาสีปี ทฤษำีโดมิโนของภูมิรัฐศาสตร์มีความโดดเด่นในความคิดนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ จึงเกรงกันว่าลัทธิคอมมิวนิสต์จะแพร่กระจายไปยังประเทศเืพ่อนบ้าน หากไม่ได้รับการควบคุม โดยมีเป่าหมายโดยรวมคือากรป้องกันไม่ให้ลัทะิคอมมิวนิสต์เข้ามาครอบงำในเอเชียตะวันออกเฉียใต้

            สงครามเวียดนามเป็นความขัดแย้งในเวยดนามลาวและกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 1955 -การล่มสลายของไซง่อน 30 เมษายน 1975 เป็นสงครามอินโดจีน ครั้งที่ 2 (เรียกว่า สงครามเวียดนาม สหรัฐอเมริกา และสงครามเวียดนามของอเมริกา) เร่ิมตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่าง รัฐบาล เวียดนามใต้ ที่ได้รับการสนับสนุนจาหสรัฐฯ และฝ่ายตรงข้าม ซึ่งได้แก่ เวียดกง (แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ) ซึ่งเป็นกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่มีฐานอยู่ในเวียดนามเหนือ และกองทัพประชารชนเวียดนาม) ความขัดแย้งเร่ิมตั้งแต่ปี 1955-1975 เมื่อเวียดนามเหนือพิชิตเวียดนามใต้ สหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนฝรั่งเสสในช่วงสงครามอินโดจีนครั้ง สนับสนุนรัฐบาลสาะารณรัฐเวียดนามในการต่อต้านเวียดกงและ กองทัพประชาชนเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ ภาคเหนือได้รับประดยชน์จาการสนับสนุนทางการทหาและการเงนิจากจีนและสหภาพโซเวียต ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ยังเกิดารสุ้รบระหว่างรัฐบาล กองทัพประชาชนเวียดนาม ที่ไดรับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และเขมรแดง ที่ได้รับการสนับสนุนจากคอมมิวนิสต์(หรือที่เรียกว่า สงครามกลางเมืองกัมพูชา 1967-1975) ในกัมพุชา และระหว่างรัฐบาล กองทัพประชาชนเวียดนาม ที่ได้รัยบการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และกองทัพ ประเทศลาวที่ได้รับการสนับสนุนจากคอมมิวนิสต์ (หรือที่เรียกว่า สงคราามกลฃางเมืองลาว หรือสงครามลับ 1959-1975) ในลาว

            หลังจากเหตุการณ์อ่าวตั๋งเกี๋ยในปี 1964 รัฐสภาสหรัฐได้ผ่านมติที่ให้ประธานาธิบดี จอห์นสัน มีอำนาจในการเพิ่มกำลังทหารโดยไม่ต้องประกาศสงคราม จอห์นสัน สั่งให้ส่งหน่วยรบและเพ่มิกำลังทหารสหรัฐฯ เป็น 1840,000 นาย กองกำลังสหรัฐฯ และเวียดนามใต้อาศัยอำนาจทางอากาศและอกนาจการยิงทีเหนือกว่ารในในการดำเนินการค้นหาและทำลายล้าง สหรัฐฯ ได้ดำเนินการทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ โจมตีเวียดนามเหนือ และเสริมกำลังแม้ว่าจะมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย ในปี 1968 

          เวียดนามเหนือเปิดฉาก "การรุกเต๊ต" ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ทางยุทธวิธี แต่เป็นชัยชนะเชิงยุทธศสตร์ เนื่องจากทำให้การสนับสนุนภายใรประเทศของสหรัฐลดน้อยลง ในปี 1969 เวยดนามเหนือประกาศจัดตั้งรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลแห่งสาะารณรับเวียดนามใต้ การปลดกษัตริย์กัมพุชาในปี 1970 ส่งผลให้กองทัพ
เวียดนามเหนือบุกเข้าประเทศและกองทัพเวียดนามใต้ก็เข้าโจมตีตอบโต้ทำให้สงครามกลางเมืองกัมพูชาทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจาก ริชาร์ด นิกสัน ได้รับเลือกตั้งในปี 1969 นโยบาย "เวียดนามไนซ์" จึงเร่ิมขึ้น ดดยกองทัพเวียดนามใต้ที่ขยายตัวเข้าต่อสุ้ในสงคราม ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯ ถอนทัพเนื่องจากฝ่ายต่อต้านภายในประเทศกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ ถอนทัพส่วนใหญ่ในปี 1972 ข้อตกลงสันติภาพปารัส ในปี 1973 กองกำลังสหรัฐฯ ทั้งหมดถอนทัพ และถูกทำลายเกือบจะในทันที การสุ้รบดำเนินต่อไปเป็นเวลา 2 ปี พนมเปญพ่ายแพ้ต่อเขมรแดง ในเดือนเมษายน 1975 ในขณะที่การรุกฤดูใบไม้ผลิในปี 1975 ส่งผลให้กองทัพเวียดนามและเวียดนามได้ถุกครองอีกครั้งในวันที่ 2 กรกฎาคมของปีถัดมา

           ความรุ้สึกต่อต้านสงครามพุ่งสุงขึ้นหลังจาการดจมตีในช่วงเทศกาลเต๊ด โดยชาวอเมริกาเพิ่มจำนวนมากขี้นเรื่อยๆ  ต่างมองว่าสงครามเวียดนามไม่มีท่างชนะได้ การต่อต้านสงครามเพ่ิมขึ้นยอ่างต่อเนืองเมืองความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น โดยการประท้วงทั่วประเทศครั้งแรกเกิดขึ้นใน เดือน ตุลาคม 1967 คนหนุ่มสาว โดยเฉพาะนักศึกษา ก็ต่อต้านการเกณฑ์ทหารเช่นกัน เพื่อเป็นการประท้วง ผุ้คนจะเผาบัตรเกณฑ์ทหารของตน นักศึกาาถุกเลือนการเกณฑ์ทหารออกไป ทำให้มีการลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลับเพ่ิมขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเพลงประท้วงกลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มส่วจำนวนมาก การประท้วงต่อต้านสงครามและการเกณฑ์ทหารเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านวัฒนะรรมทั่วไปที่ผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวทางสังคมอื่นๆ ที่มีอยุ่ เช่นชบวนการสิทะฺพลเมืองผุ้สนับสนุนสิทธิพลเมืองจำนวนมาวิพากษ์วิจารณ์สงครามเวียดนามและการเกณฑ์ทหารโดยอ้างว่าสงครามส่วนใหญ๋มักเกิดขึ้นดดยคนจนและคนกลุ่มน้อย ในปี 1967 แม้แต่ผุ้นำสิทธิพลเมืองที่สนับสนุน ประะานาธิบดีลินดอน จอห์นสันเป็นส่วนใหญ่ เช่น มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ก็เร่ิมออกมาพูดต่อต้านสงครา พวกเขาตำหนิการทวีควสามรุรแรงของสงครามที่ททำให้เงินที่สำคัญสำหรับดครงการสวัสดิการสังคมถุกยักย้าย และขัดขวางไม่ให้รัฐบาลกลางมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปที่ำจเป็นเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มน้อยโดยเฉพาในภาคใต้

             ปี 1968 เป็นปีแห่งความวุ่นวายที่สุดปี หนึง ในประวัติสาสตร์สหรัฐฯ สงผลให้ ประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน ไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง พรรคเดโมแครตจึงต้องจัดการหาเสียงเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างดุเดือด ในระหว่างนั้น วุฒิสมาชิก ดรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี พี่ชายของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ถูกลอบสังหารในเดือนมิถุนายน โศกนาำกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสองเดือนหลังจากการชอบสังหาร มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผุ้นำด้านสิทธิพลเมืองซึ่งทำให้ทั้งประเทศตกอยุ่ในภาวะตึงเครียด ในเดือนสงหาคม เกิดการจลาจลครั้งใหญ่ที่ชิคาโกในระหว่างการประชุมใหญ่แห่งชาติของพรรคเดโมแครต ส่งผลให้ตำรวจใช้ความรุนแรงและถ่ายทอดทางโทรทัศน์



          ชาวอเมริกันจำนวนมากเร่ิมเบื่อหน่ายกับสครามเวียดนามและการประท้วงที่เกี่ยวข้อง ริชาร์ด นิกสัน ผะ้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งปธน. จากพรรครีพัลลิกัน ประสบความสำเร็จในการหาเสียงโดยใช้นดยบายกฎหมายและระเบียบในฤดูใบไม่ร่วงปีนั้น ระหว่งการแชข่งชันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระหวางนิกสันและฮิวเบิร์ต อัมฟรีย์ ผุ้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งปรธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต มีข่าวลืแพร่สะพัดว่ารัฐบาลของจอห์นสัน แห่งพรรคเดโมแครต จะประกาศข้อตกลงสันติภาพกับเวียดนามเหนือ "ความประหลาดใจในเดือนตุลาคมไ ครั้งนี้มีแนวดน้มว่าจะทำให้ เดโมแครต ได้รับชัยชนะในการเลื่อกตั้ง และในที่สุด ริชาร์ด นิกสันชนะการเลือกตั้งประะานาะิบดีในปี 1968 โดยเรียกร้องความปรรถนาของชาวอเมริกันชนชั้นกลางและชนชั้นสูงที่ต้องการกฎมหายและระเบียบ 

          เช่นเดียวกับผุ้ดำรงตำแหนงก่อหน้านี้  นิกสันยังคงดำเนินสงครามเวียดนามต่อไ เขาพยายามลดการประท้วงดดยเรียกร้อง "เสียงข้างมากที่เงียบงัน" ของอเมริกา ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มอนุรักษ์นิยมและสายกลาง โดยโต้แย้งว่าอเมริกาจะชนะสงครามได้ก็ต่อเมือ..สหรัฐฯแนวแน่ที่จะดำเนินสงครามต่อไป

         เมษายน 1970 นิกสันขยายสงครามไปยังกัมพูชา ซึ่ยิ่งทำให้เวียดนามเหนือและเวียกงมีกำลังใจมากขึ้น การขยายสงครามครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ที่มหาวิทยาลัยเคต์สเตต ในวันที่ 4 พฤษภาคม นักศึกาษาหลายคนถุกสมาชิกกองกำลังป้องกันแห่งชาติโอไฮโอยิ่งเสียชีวิต เหตุการณ์สังหารหมู่ที่เคนต์สเตตเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสนทนาเกียวักบสงครามทั่วประเทศดดยมีฉันทามติที่สำคัญเห็นด้วยว่าสงครามเวียดนามควรยุติลงอย่างรวดเร็ว...

             ที่มา : วิกิพีเดีย

                        https://acsc.lib.udel.edu/exhibits/show/political-env/vietnam

                         https://www.thecollector.com/vietnam-war-political-effects/

         

        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...