กำเนิด วันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1889 เป็นบุตรคนที่ 3 ของครอบครัว บิดารับราชการเป็นนาย ด่านมารดาคือชาวเมืองบราวเนา พรมแดนของประเทศเยอรมนีและออสเตรีย เป็นบุคคลที่เรียนดีในวัยเด็กบิดามารดาจึงให้เการสนับสนุนทางการศึกษา ต่อมาเบื่อหน่ายต่อการเรียนและหันมาสนใจวิชาดนตรีและมีชื่อเสียงในการร้องเพลง เขาจบมัธยมปีที่ 4 และบิดาถึงแก่กรรมเขาจึงเขาแสวงหาโชคที่เวียนนา ประทังชีวิตด้วยการเขียนภาพขายซึ่งมีรายได้พอประมาณ
ฮิตเลอร์ถูกหมายจับฐานหนีการเกณฑ์ทหารเขาใช้เวลหลายเดือนในการพยายามทำความเข้าใจกับทางการออสเตรียและสุดท้ายหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาด้วยโดยฮิตเลอร์เดินทางกลับไปรายงานตัวที่ศูนืกลางกองบัญชาการที่เมืองซัลซ์บวร์กประเทศออสเตรีย และได้พบเอกสารที่บ่งว่า “ฮิตเลอร์สุขภาพไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถรับราชการทหารได้”
28 มิถุนายน 1914 รัชทายาทออสเตรียและพระชายาถูกลอบปลงพระชนม์ที่เมืองซาราเจโว และเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1
ฮิตเลอร์สมัครเข้าเป้นทหารของประเทศเยอมนีสังกัดกองพันทหารราบ ทำหน้าที่เป็นทหารสื่อสารออกรบแนวรบด้านตะวันตกเข้าได้รับเหรียญกล้าหาญจากวีรกรรมในการช่วยผู้บังคับบัญชาของตน ซั่งได้รับบาดเจ็บสาหัญให้รอดพ้นความตาย เขาได้รับบาดเจ็บทั้งจากสะเก็ดระเบิดและก๊าชพิษในสงครามครั้งนี้
พรรคนาซี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 พรรคกรรมกร-ชาติสังคมนิยมเยอรมัน ซึ่งรู้จักกันในนาม พรรคนาซี ถือกำเนิดขึ้นโดยการวมตัวของพรรคการเมือง 2 พรรค คือพรรคชาติสังคมนิยม และพรรคกรรมกรเยอมันเข้าด้วยกันเมื่อวันที่ 5 มกราคม 1919 โดยวิศวกรชาวเยอมัน และนักหนังสือพิมพ์ รวบรวมกรรมกรชาตินิยมจัด ในแคว้นบาเยิร์น หรือบาวาเรีย แล้วจัดตั้งพรรคขึ้น
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้รับฟังการอภิปรายของพรรคฯ ในฐานะผู้สังเกตการณ์จาฝ่ายทหารของรัฐบาล หลังการฟังอภิปราย ฮิตเลอร์ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมขบวนการกับกรรมกรเยอรมัน ซึ่งฮิตเลอร์ตอบรับทันที่ เมื่อฮิตเลอร์มีโอกาสพูดในการอภิปรายเขามีชื่อเสียงโงดังในฐานะนักพูดที่ถูกใจคนฟัง
ปลาย ปี 1923 สภาวะเศรษฐกิจเยอมนีไม่ดีขึ้น ฮิตเลอร์กลาวดจมตีรัฐบาลที่ยอมให้ชาวยิวในประเทศมีสิทธิและเสรีภาพเท่านเทียมชาวเยอรมัน เขาโจมตีนโยบายต่างประเทศที่รัฐบาลพยายามประนีประนอมและหาทางเป็นมิตรกับฝรังเศส และโจมตีการฉ้อราษฎร์บังหลวงของข้าราชการด้วย
ในขณะที่นายกเทศมนตรีแคว้นบาวาเรีย กำลังกล่าวสุทรพจฯขักชวข้าราชการและนักธุรกิจของแค้วน ต่อต้านรัฐบาลเพื่อแยกแคว้นบาวาเรียออกจากการปกครองของสาธารณรัฐเยอรมัน ณ ห้องประชุมของร้านเบียร์ ที่มิวนิค ฮิตเลอร์ได้ถือโอกาสนำกำลังบุกเข้าจับ และขู่ให้ร่วมมือกับพรรคนาซี ในการยึดอำนาจของรัฐ เช้าวันรุ่งขึ้น ฮิตเลอร์ร่วมมือกับนายพล เอริคช์ ลูเดนดอร์ฟ และพลพรรคนาซีเดินขบวนไปยังที่การนายกเทศมนตรี เกิดการปะทะระหว่างทหารตำรวจกับพลพรรคนาซี นาซีได้รับรับบาดเจ็บจำนวนมา และเสียชีวิต 16 คน อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ถูกยิงบาดเจ็บและถูกจับในเวลาต่อมา ศาลบาวาเรีย สั่งจำคุกฐานผู้ทำการกบฎเป็นเวลา 5 ปี การกบฎในครั้งนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม กบฎฮิตเลอร์ - เดนดอร์ฟ หรือ กบฏในห้องเบียร์ ฮิตเลอร์ได้รับนิรโทษกรรมเมืองวนที่ 20 ธันวาคม ปี 1924
หลังจากฮิตเลอร์ได้รับการปล่อยตัวเขารวบรวมสมาชิกพรรคนาซีขึ้นมาใหม่และใช้นโยบายที่รัดกุมและรอบคอบมากยิ่งขึ้นเขาเปลี่ยนนโยบายจากการใช้กำลังในการปฏิวัติเป็นการต่อสู้ในสภา เขาพยายามหาสมาชิกพรรคทั้งประเทศเยอรมันและได้สมาชิกเพิ่มเป็นจำนวนแสนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางและทหารปลดประจำการที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมในสมัยนั้นได้ คนพวกนี้จึงมอบความหวังให้กับพรรคนาซีซึ่งมีความเป้นชาตินิยมจัด ถึงอย่างไรในการเลื่อตั้งพรคนาซีก็ยังคงไรบคะแนนเสียน้อยมีผุ้แทนเพี่ยง 12 คน พรรคคอมมิวนิสต์ มีผุ้แทนถึง 54 คน และในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นปรากฎการณ์ทางการเมืองโดยพรรคสังคมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย ได้คะแนนเสียงข้างมากและโอกาสจัดตั้งรัฐบาล
ปี 1930 รัฐบาลเยอรมันไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเงินของประเทศได้ มีคนว่างงานจำนวนมาก ผู้นำรัฐบาลจึงลาออกจากตำแหน่ง ไฮน์ริคช์ บรินนิ่ง ได้ทำการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อีกเช่นกัน จึงประกาศภาวะฉุกเฉิน รัฐสภาประนามการใช้อำนาจฉุกเฉินและประกาศไม่ไว้วางใคณะรัฐบาล บรีนนิ่งจึงยุบสภา ในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้พรคนาซีได้รับการสนับสนุนและได้รับคะแนนเสียงเข้ามาเป็นอันดับสองในสภา ได้ทีนั่งในสภาถึง 107 ที่นั่ง
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเยอรมัน พรรคนาซีได้ทำการหาเสียงอย่างจริงจังแต่ทางพรรคยังขาดผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและมีชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป ทั้งเนี้เพราะฮิตเลอร์ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของพรรค ยังไม่ได้รับการโอนสัญชาติเป็นเยอรมัน แต่เมือได้สัญชาติเยอรมันแล้วจึงทำการสมัครเข้าแข่งขันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเยอรมัน ในนามพรรคนาซี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ฮินเดนบวร์กได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งปรธานาธิบดี
ฮิตเลอร์เถลิงอำนาจ 30 มกราคม 1933 ประธานาธิบดีฮินเดนบวร์ก แต่งตั้งให้ฮิตเลอร์ดำรงตำแหน่างนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศเยอรมนี โดยมีฟรานซ์ ฟอน ปาเปน เป็นรองนายกรัฐมนตรี โดยตั้งความหวังว่า ฟอน ปาเปน จะช่วยถ่วงดุลอำนาจและจะไม่ยอมให้ฮิตเลอร์กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว เมือดำรงตำแหน่างนายกรัฐมนตรีเขาเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน ฮิตเลอร์แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศอย่างจริงจัง เขาแต่งตั้งนักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ เข้าร่วมในคณะรัฐบาลของเขา พร้อมประกาศให้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรขึ้นใหม่
5 มีนาคม 1933 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผุ้แทนฯ พรรคนาซีได้เสียงข้างมากและได้พรรคชาตินิยมเยอรมัน ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสม เมื่อเปิดประชุมรัฐสภา ฮิเลอได้เข้รับตำแหน่างนายกรัฐมนตรี ฮิตเลอร์ได้ใช้อำนาจสั่งการแก้ไขปัญหาและกำจัดความวุ่นวายต่าง ๆ อย่างเด็ดขาด จึงเป็นการสิ้นสุดของสธารณรัฐเยอรมันและเป็นการสภาปนาอาณาจักรเยอรมันที่ 3
ฮิตเลอร์ค่อยๆ กำจัดพรรคการเมืองที่ไม่ใช้นาซีด้วยวิธีการสั่งปิดและพรรคที่ถูกกลั่นแกล้งโดยรัฐบาลก็ปิดตัวเองไปบ้างแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลก็ปิดตัวเองลงเช่นกัน ฮิตเลอร์จึงนำสมาชิกพรรคนาซีเข้าดำรงตำแหน่งแทน ภายในเวลาเพียง 6 เดือนเขาจึงกำจัดพรรคการเมืองต่างๆ ให้หมดไป
ฮิตเลอร์เริ่มทำการยึดอำนาจมาไว้แต่เพียงผู้เดียวในการเลือกตั้งทั่วไปพรรคนาซีมีอำนาจทางการเงินแต่เพียงพรรคเดียวจึงได้รับคะแนนเสียงสูงถึง 92 เปอเซนต์กุมเสียงข้ามากในสภาอยางเด็ดขาด เขากล่าวว่าสภาสูงไม่ได้สร้างประโยชน์อันใดแก่ประเทศจึงสั่งยุบสภาสูงเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติ ฮิตเลอร์แต่งตั้ง ไฮน์ริกช์ ฮิมเลอร์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าตำรวจลับ พร้อมอนุมัติงลประมาณทางการทหารและการสร้างอาวุธ นักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ เกรงว่าฮิตเลอร์และนาซีจะเข้ามามีอิทธิพลครอบงำกองทัพของชาติจึงโจตีปละประท้วง
ฟรานซ์ ฟอน ปาเปน รองนายกรัฐมนตรี ในคณะรัฐบาลผสมของฮิตเลอร์ ได้แสดงสุนทรพจน์ กล่าวโจมตีนดยบายทั่วๆ ไปของพรรคนาซี โดยฌฉพาะนโยบายการสร้างอาวุธสงคราม หลังจากการกล่าวโจมตีนั้นไม่กีวันผู้ที่เขียนสุนทรพจน์ดังกล่าวก็ถูกจับและประหารชีวิตในเวลาต่อมา ฮิตเลอร์พยายามยึดอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวและเริ่มระแวง เขาสั่งจับและประหารผู้ที่เขาระแวงด้วยข้อหา “คิดก่อการกบฎ” ทั่งผู้ที่เป็นผู้ริเริ่มการจัดตั้งพรรคนาซีและนักการเมือง บุคคลสำคัญๆ ต่าง โดยไม่ได้รับการสอบสวนจากศาลสถิตย์ยุติธรรม คาดกันว่าตำรวจลับของนาซีทำการฆาตกรรมหว่า พันคนในวันนั้น ฟอน ปาเปน ถูกสั่งจับ ประธานาธิบดีฮินเดนบวร์ก ถึงแก่อนิจกรรม ฮิตเลอร์จึงรวมตำแหน่างรัฐมนตรีและประธานธิบดีเข้าด้วยกัน.. และเรียตำแหนางใหม่ว่า ฟีเร่อร์ แปลว่า “ผู้นำ” แต่นั้นมาทหารเยอรมันต้องทำการปฏิญาณตนต่อฮิตเลอแทนธงชาติโดยกล่าวว่า “จะจงรักภักดีและรับใช้ท่านผู้นำ” ทหารส่วนใหญ่วางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์นี้ ฟรานซ์ ฟอน ปาเปน ถูกปลดจากตำแหน่งและส่งไปเป็นเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำออสเตรีย ฮิตเลอร์ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเยอรมัน ซึ่งได้ทำการลงประชามติให้ฮิตเลอร์มีอำนาจตัดสินใจ โดยไม่ต้องของความเห็นชอบจากสภ ฮิตเลอร์จึงสั่งปลดสมาชิกรัฐสภาและยุบสภา ฮิตเลอร์กุมอำนจทางการเมืองได้ทั้งหมด
วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น