ด้วยความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต พรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ ccp ก็สามารถจัดตั้งขึ้นเป็นทางการได้สำเร็จในปี 1921 ความร่วมมือ จากรัศเซีย(โคมินเทอร์น) ccp และ พรรคก๊กมินตั๋ง ของซุน ยัด-เซ็น ทำให้พรรคเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไว้ได้ แต่ก๊กมินตั๋งเปลี่ยนท่าทีเป็นต่อต้านกระทั่งพรรคccp เกือบหมดอำนาจในที่สุด
ด้วยการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัสเซียทำให้ ccp เป็นองค์กรที่เป็ฯที่รู้จักมากขึ้น สามารถรวมพลังนักชาตินิยมต่อสู้กับจักรวรรดินิยมตะวันตก และยังได้รับการสนับสนุนทางด้านอาวุธเงินทะน และคำปรึกษาที่มีคุณค่าจากรัสเซีย อันทำให้พรรคเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการเมืองระบบพรรค และวิธีการทางทหารมากว่าที่จะเป็นแค่เพียงสมาคมลับอย่างอดีต ผลของการร่วมมือคือการจัดตั้งสถาบันทหารวันเปาขึ้น อันเป็นสถบันทางการทหารที่ประกอบด้วยที่ปรึกษาทางทหารจากองค์การโคมินเทอร์น สมาชิกพรรค ccp และพรรคก๊กมินตั๋ง ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เหนือกวากองกำลังขุนศึกทางภาคเหนือ
การร่วมมือระหว่างที่ปรึกษาจากองค์การโคมินเทอร์นกับสมรชิกพรรคก็กมินตั๋งดำเนินไปด้วยดี การได้รับการปฏิบัติจากรัสเซียสมือนเป็นพันธมิตร โดยไม่แสดงทีท่าว่าจะเข้ายึดครองจีนเหมือมหาอำนาจตะวันตกอื่นๆ ทำให้พรรค ccp แสดงออกอย่างชัดเจนและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองไปเป็นคอมมิวนิสต์ตามอยางรัสเซียได้ทุกเมื่อ ซึ่งขัดแย้งกับสามชิกฝ่ายขวาในพรรคก๊กมินตั๋ง แม้กระนั้น ซุน ยัด-เซ็นก็ได้กล่าวว่า “การปฏิวัติจะไม่มีทางสำเร็จถ้าขาดที่ปรึกษาชาวรัสเซียเหล่านนั้น”
หลังอสัญกรรมของ ซุน ยัด-เซ็น การแก่งแย่งอำนาจรุนแรงและมากขึ้นผู้นำฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงคนหนึ่งของพรรคก็กมินตั๋งถูกลอบสังหาร ในที่สุด หวัง ชิง-ไหว ก็ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของพรรค แต่ที่สำคัญ หวังมีความคิดโน้มเอียงมาทาง ccp การขึ้นสู่ตำแน่งผู้นำของ หวัง ชิง-ไหวและการเติบโตของพรรค ccp กลายเป็ฯปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมืองของพรรค เมื่อ เชียง ไค เชค ผู้บัญชาการกองทัพก๊กมินตั๋งและผู้บัญชาการสถาบันทหารวันเปากลายเป็นผู้มีอิทธิพอย่างสูงโดยเฉพาะต่อบรรดานายทหารหนุ่มรุ่นใหม่ของกองทัพ
เชียงไม่พอใจกับการเติบโตของคอมมิวนิสต์ ได้สังการให้จับกุมที่ปรึกษาชาวรัสเซียและนายทหารระดับผู้นำสังกัดพรรค คอมมิวนิสต์จีน ccp ด้วยข้อหาว่ายุยงให้มีการก่อรัฐประหาร แต่ต่อมาได้รับการปลดปล่อยและมีการส่งสาร์นแสดงความเสียใจ..จากนั้นเชียง ไค เชค ก็ก้าวขึ้นสู้ตำแน่งผุ้นำทางการเมือง มีอำนาจเหนือกองทัพ พรรค และรัฐบาล หวัง ชิง ไหว เลื่อกที่จะเดินทางออำนอกประเทศ ดังนั้น เชียง ไค เชค จึงกลายเป้นผุ้มีอำนาจที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียว
กองทัพก๊กมินตั๋งบุกขึ้นทางเหนือแม้ขุนศึกทางเหนือจะมีกำลังพลทีมากกว่าแต่ความเด็ดเดี่ยวของเจียง ไค เชค และการให้มากกว่าการแย่งชิง ชาวไรชาวนาจึงให้การสนับสนุนกองทัพก๊กมินตั๋ง
พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ได้เข้าร่วมทำสงครามกับก๊กมินตั๋ง ได้แต่ดำนินการโฆษนาทางการเมือง ทั้งในพื้อนที่ที่ปลดปล่อยแล้ว และพื้นที่ที่กองทัพ เพิ่งจะปลดปลอย่ คือ เชียง ไค เชค ก้าวไปข้างหน้ามากเท่าไร อิทธิพลของคอมมิวนิสตก็ขยายตัวออกไปไกลเท่านั้น
การรวมตัวกันของพรรค ccp และ ก๊กมินตั๋งเพื่อการรวมประเทศ ดูเหมือนจะไม่มีทางสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งนี้เพราะความแตกต่างกันในเรื่องอุดมการณ์ของทั้ง 2 ฝ่าย ก๊กมินตั้งไม่มีความเชื่อว่าการต่อสู้ทางชนชั้นจะนำมาใช้เป็นพลังในการปฏิวัติ ได้ และไม่เชื่อว่าคนจนนะสามารถสู้กับคนรวย และยิ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกันด้วยแล้ว เมื่อทางฝ่ายccp สามารถชิงมวลชนและจัดตั้งสหพันธ์ชาวไร่ชาวนและสหภาพแรงงาน ซึ่งตกอยู่ในการชี่นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ส่วนใหญ่เริ่มเติบโตเข้ามแข้.ขึ้นทันที่ที่กองทัพจากไป การขัดแย่งอย่างเปิดเผยเมืองกงทัพก๊กมินตั๋ง เคลื่อนเข้าใกล้เมืองเซียงไฮ้ ก่อนที่เชียง ไค เชค จะเข้าเมือง สหภาพแรงงานภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนรวมตัวกันจากภายในเข้ายึดอำนาจรัฐ เชียงมองว่าเป็นแผนการการหาเสียของฝ่ายซีซีพี ด้วยเหตุนี้ เมือเชียง..เข้าเมืองได้จงสั่งการประหารสมาชิกสหภาพแรงงานเป็นจำนวนพัน ๆ คน
เมษายน ปี 1927 สมาชิกผู้นำก๊กมินตั๋ง และเชียง ไค เชค มาพบกันที่เมืองนานกิง ประกาศจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติโดยไม่มีพรรคซีซีพีเข้าร่วม การต่อสู้แบบสามเส้รจึเกิดขึ้น ฝ่ายหนึ่งคือคอมมิวนิสต์ อีกกลุ่มได้แก่สมาชิกก๊กมินตั้งที่ค่อนข้างมีความคิดขวาและขวาจัดโดยการนำของเชียง ไค เชค และกงุ่มสุดท้ายคือก๊กมินตั๋งที่มความคิดซ้ายและซ้ายจัด หรือกลุ่มของ หวัง ชิง ไหว ซึ่งมีความคิดไปทาง ccp และที่สำคัญต่อต้าน เชียง ไค เชค เนื่องจากการเมืองภายในรุสเซียจึงไม่ให้ความช่วยเหลือพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ในที่สุดพรรคซีซ๊พีตัดสินใจจับอาวูขึ้นต่อสู้ ถึงแม้จะพ่ายแพ้ต่อมาในเวลาไม่ถึงสัปดาห์เพาะขาดกำลัง แต่ผู้ร่วมก่อการหลายคนได้กลายเป็นผู้นำสำคัญของกองทัพแดงในเวลาต่อมา
รัฐบาลก๊กมินตั๋งที่นานกิง หลังจากแยกตัวกับพรรคคอมมิวนิสต์ เชียง ไค เชค หันมารื้อฟื้นนโยบายการรวามประเทศ เมื่องนานกิง ดันอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งบนลุ่มน้ำแยงซี เขายกฐานะเป็นเมืองหลวงของรัฐบาลก๊กมินตั๋ง อิทธิพลของเชียง ไคยเชค ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วสู่ดินแดนทางภาคเหนือและในที่สุดปักกิ่งก็ตกเป็นของเขา และรุกเรื่อไปถึงแมนจูเรีย เอนเป็นดินแดรภายใต้การปกครองของขุนศึกจา ซือ เหลียง ผุ้มีความหวาดกลัวญี่ปุ่น จึงเปลี่ยนท่าทีมาให้ความร่วมมือ
นานกิงเป็นจุดศุนย์รวมทางการเมืองและจากจุดนี้จึงความเป็นรัฐประชาชาติเริ่มก่อกำเนิดขึ้น ก๊กมินตั๋งในคำมั่นกับประชาชนว่าในอนาคตพรรคจะสามารถสถาปนาระบอบประชาธิปไตยได้สำเร็จ แตะประชาชนชาวจีนโดยทั่งไปแล้วน้อยคนจะเข้าใจความหมายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รวมทั้งไม่สนใจในตัวผุ้ปกครองว่าเจะเป็นเผด็จการหรือไม่ เชียง เอง ก็รมีความเป็นเผด็จการฟาสซิสต์ และนิยมในปรัชญาของขงจื้อ มีเพียงสมาชิกชนชั้นสุงรุ่นใหม่บางคนที่เข้าใจและให้ความสำคัญของการเป็นรัฐประชาชาติซึ่งมีจำนวนเพียงเล็กน้อยไม่มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่ประสิทธิภาพได้
หลังการพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์ส่งผลให้สมาชิกระดับผุ้นำหลายคน พร้อมที่ปรึกษาชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งหลบหนีเข้าป่า บางกลุ่มก็หลบซ่อนการจับกุมของฝ่ายลบ้านเมืองอยู่ตามเมืองใหญ่
ในข้อเขียนของเมา เชตุง หลังจากการพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์อันเป็นเหตุให้ต้องหลบหนีขึ้นภูเขาไปดำเนินการต่อสู้ทางชนชั้นอย่างโดดเดี่ยว ขาดฐานสนับสนุนทางการเมืองจากคนในพื้นที่ ประกอบกับการถูกตามล่าจาพรรคก๊กมินตั๋ง เมาจึงต้องจัดกาองทหารป่า ด้วยการรวบรวมภาคใต้ของมณฑลเกียงสีเกือบทั้งหมด อาณาบริเวณนี้ต่อมาในปี 1931 ได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรับโซเวียดของชาวจีน”…
การขยายอิทธพลทางการทหารของญี๋ปุ่น
ญี่ปุ่นขยายตัวทางการทหารอย่างจริงจังและเข้ายึดดินแดนทางภาคตะวัออกเฉียงเหนือ อันได้แก่ส่วนหนึ่งของแมนจูเรีย คาบสมุทรเหลียวตุงและเมืองท่าที่สำคัญอีก 2 แห่งและรวมทั้งเส้นทางรถไฟสายแมนจูเรียตอนใต้ และสิทธิในการลงทุนร่วมในกิจการสำคัญอีกหลายแห่ง โดยมีทหารญี่ปุ่นเป็นผุ้ให้ความคุ้มครองการคุกคามอำนาจอธิปไตย ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวจี ซึ่งแสดงให้เห็นตั้งแต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ในแมนจุเรีย ปุ่นมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับขุนศึกจีนคนหนึ่ง และด้วยความสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้ญี่ปุ่นรอดพ้นจากการต่อต้านจากทหารฝ่ายรัฐบาลแต่เมื่อ ก๊กมินตั๋งขยายตัวสู่ภาคเหนือความสัมพันธ์จึงสะบั้นลง
ต้นทศวรรษที่ 1930 รัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ภายใต้อำนาจกลุ่มนายทหารหัวรุนแรง ผู้ได้รับอิทธิพลจากความสำเร็จทางการทหารของชาติ ทั้งผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำ และเพื่อปกป้องผลประโยชน์จากตะวันตก ความคิดที่จะรุกรานจคนอย่างจริงจังจึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น