Lyrical Ballads (William Wordsworth)

       Age of Enlightenment คือการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมของเหล่าปัญญาชนในยุโรปและอาณานิคมบนทวีปอเมริกา ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป้าหมายเพื่อปฏิรูปสังคมและส่งสเริมการใช้หลักเหตุผลมากกว่าการใช้หลักจารีต, คามเชื่อ และการเปิดเผยจากพระเจ้า รวมไปถึงส่งเสริมความรุทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง การเคลื่อนไหวยังสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้หรือการใช้ปัญญา ต่อต้านความเชื่อทางไสยศาสตร์ โมหาคติ การชักนำให้ผิดเพี้ยนจากคริสตจักรและรัฐบาล
ยุคเรืองปัญญา
      ยุคเรื่องปัญญาเร่ิมต้นขึ้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1650-1700 และถูกจุดประกายโดยเหล่าปัญญาชน เช่น บารุค สิโนซา จอห์น ล็อก ปิแยร์ เบย์ล, ไอแซก นิวตัน, วอลแต่ร์ นอกจานี้เจ้าผุ้ปกครองก็มักจะรับรองและคล้อยตามบุคคลสำคัญเหล่านี้จนในที่สุดก็รับเอาแนวคิดจากชนชั้นปัญญามาปรับใช้กับรัฐบาลของตน จึงมีการเรียกเจ้านายเหล่านี้ว่า ประมุขผู้ทรงภุมิธรรม การเรืองปัญญานี้อยู่จนกระทั่งช่วงปี ค.ศ. 1790-1800 เมื่อความสำคัญของเหตุผลุูกแทนที่ด้วยความสำคัญ
ของอารมณ์ความรู้สึกนแนวคิดแบบศิลปะจิตตนิยม ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านการเรืองปัญญา
       ศิลปะจิรตนิยม เร่ิมต้นขึ้นในช่วงหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในยุโรปตะวันตก เป็นการเปลี่ยนแปลงของแนวคิดทาง ปรัชญา วรรณกรรม และศิลปกรรม อันนำมาซึงการปฏิวัิตอุตสาหกรรมในยุโรป กำเนิดของศิลปะจิตตนิยมมีสวนมาจาการต่อต้านแนวคิดทงสังคแมละการเมืองแบเก่าของยุคเรื่องปัญญา รวมถึงปฏิกิริยาต่อต้านการศึกษาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยมากแนวคิดของศิลปะ ใน
ยุคนี้จะสะท้อนออกมาในงานศิลปะแบบภาพวาด ดนตรี และวรรณกรรม
      วิลเลียม เวิร์ดสเวิร์ธ William Wordsworth เป็นกวีจินตนิยมชวอังกฤษผู้เริ่มยุคจิตนิยมของวรรณกรรมอังกฤษร่วมกับแซมมวล เทย์เลอร์ คอเลริดจ์ ในปี 1798 ด้วยงานตีพิมพ์ร่วม ชื่อ Lyrical Ballads งานที่ได้รับยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของเวิร์ดThe Prelude บทกวีกึงอัตชีวประวัติในช่วงแรกในชีวิตของเขาซึ่งได้ผ่านการปรับปรุงแก้ไขและต่อเติมมาเป้นจำนวนหมายครั้ง ชื่อผลงานนี้ตั้งขึ้นในโอกาสทีตีพิมพ์หลังจากเขาเสียชีวิตแล้ว
สเวิร์ธ คือ
       วิลเลียม เวิร์ดสเวอิร์ธ กวีแนวโรแมนติกผู้ยิ่งใหญ่ชาวอังกฤษ เข้าเรียนที่วิทยาลัยเซนต์จอห์น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ระหว่างนั้นได้เข้าร่วมปฏิวัติฝรั่งเศส เมื่อเรียนจบเดินทงไปท่องเที่ยวฝรั่งเศสและอิตาลี ผลงานบทเล่มแรกคือ An Evening Walk และ Descriptive Sketches  บทกวีของเขามักได้แรงบันดาลใจจากความงดงามของทิวทัศน์ในธรรมชาติ ผลงานบทกวีเรื่อง Lyrical Ballads ได้มส่วนในการสร้างกระแสโรแมนติก ซึ่งหลีกเลี่ยงรูปแบบกฎเกณฑืฉันทลักษณ์แบบเดิมๆ แต่เน้นแสดงความรู้สกภายในจองกวีออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ผลงานของเขาแสดงทัศนะต่อชีวิตในแนวจิตนิยม ซึ่งเชื่อในความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างธรรมชาติและจิตวิญญาณของมนุษย์ 
       Lyrical Ballads คือการรวบรวมบทกวีโดย เวิเลียมเวิร์ดสเวิร์ธ และ ซามูเอลเทย์เลอร์โคลริดจ์ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1798 และเป็นจุดเร่ิมต้นของการเคลื่อนไหววรรณกรรมแนวโรแมนติก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวงการวรรกรรม และบทกวีของอังกฤษ
      บทกวีในฉบัยที่ 1798 เขียนขึ้นโดยเวิร์ดสเวิร์ด และ คอเลอริจ เป็นบทกวีเพียง สี่บทที่ได้รับความตอบรับและโด่งดังมากที่สุด
       แซมมวล เทย์เลอร์ คอเลริดจ์ เป็นกวี นักวิจารณ์ และนักปรัชญาชาวอังกฟษ เป็นหนึ่งในผู้ริเร่ิมการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมของยุคโรแมนติกในประเทศอังกฤษ ร่วมกับสหายของเขาคือ วิลเลียม
เวิร์ดสเวิร์ธ เขามีชื่อสเียงเป็นทีุ่้จักในผลงานกวีนพนธ์ชุด บทกวีของกละาสีชรา..
       The Rime of the Ancient Mariner เป็นบทกวีที่สำคัญ กล่าวคือ ความมั่คงคั่งของกะลาสีเรือโบราณเกี่ยข้องกับประสบการณ์ของกะลาสีที่เดินทงกลับจากการเดินทางด้วยทะเลเป็นเวลานาน เรือเดินสมุทรซึ่งมีผุ้ที่กำลังจะไปพิธีแต่งงานอยู่บนเรือเดินสมุทรนั้น และเร่ิมเล่าเรืองปฏิกิริยาของแขกรับเชิญ ที่จะเปลี่ยนจากความสับสนวุ่นวายไปสู่ความไ่อดทนต่อความกลัว ผุ้เขยนใช้เทคนิคการเล่าเรื่อง อาทิ การสร้างตัวตน การทำซ้ำเพื่อสร้างความรู้สึคกอันตราย ความเหนือธรรมชาิตหรือสันติสุข ซึ่งขึ้นอยู่กับอารมณ์ในส่วนต่างๆ ของบทกวีนั้น

       เรื่องของกะลาสีเร่ิมต้นด้วยเรือของเขาที่ออกเดินทาง แม้จะมีความโชดดีในเริ่มต้นซึ่งแม้จะเจอเข้ากับพายุก็สามารถมาถึงน่าน้ำแอนตาร์กติด เมื่องฝูงนกอัลบาทรอปรากฎและน้ำทางเรือให้ออกจากธารน้ำแข็ง แต่ฝูงนกกับได้รับการตอบแทนด้วยการถูกยิง

           With my cross-bow,
   I shot the albatross.

ลูกเรือโกรธกละาลสีเรือ เพราะเชื่อว่า ฝูงนกอัลบาทรอ จะนำลมไใต้ และพาพวกเขาออกจากแอตแลนติก แต่สถานะการณ์ดีขึ้นเมื่ออากาศร้อนและหมอกที่หายไปเปลี่ยนแปลงความคิดของลูกเรือ

'Twas right, said they, such birds to slay,
         That bring the fog and mist.

 ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่าการกระทำของพวกเขาเป็นความผิดพลาดร้ายแรง ทีสนับสนุนให้มีการยิ่งฝูงนกนั้น ความโกรธเกรียวของวิญญาณที่ติตามเรือ "จากแผนดินหมอกและหิมะ" ทำให้ลมใต้ซึ่งในตอนแรกพาพวกเขาออกจาดินแดนแห่งน้ำแข็ง กลับพาเรือเข้าสุ่น่าน้ำใกล้เส้นศุนย์สูตรซึ่งเป็นที่อับลม

Day after day, day after day,
        We stuck, nor breath nor motion;
        As idle as a painted ship
        Upon a painted ocean.

        Water, water, every where,
        And all the boards did shrink;
        Water, water, every where,
        Nor any drop to drink.

         The very deep did rot – Oh Christ!
         That ever this should be.
         Yea, slimy things did crawl with legs,
         Upon the slimy sea.

 ลูกเรือพากันตำหนิกะลาสีเรือ และสำหรับการลงโทษ ของการกระทำนี้ ด้วยความโกรธลูกเรือบังคับให้กะลาสีเรือ นำซากศพนกอัลบาทรอส มาแขวนที่คอ เพือตระหนักถึงสิ่งที่กระทำและเพื่อแสดงความเสียใจ...https://en.wikipedia.org/wiki/The_Rime_of_the_Ancient_Mariner




        

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)