Hun sen

           รัฐประหารในประเทศกัมพูชา พ.ศ.2540 เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฏา -สิงหาคม ผลที่ตามมาคือ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีร่วม ปลดเจ้านโรดม รณฤทธิ์นายกรัฐมนตรีร่วมอีกคนหนึ่งได้ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 10 คน
            มีนาคม 2535 คณะผู้บริหารของ UNTAC เดินทางมาถึงกัมพูชาเพื่อเตีรยมพร้อมสำหรับการจัการเลือกตั้ง ใน พ.ศ. 2536 เขมรแดงหรือพรรคกัมพูชาประชาะิปไตยไม่ยอมวางอาวุธ ไม่หยุดเคลื่อนไหว และไม่ให้ประชาชนในเขตของตนเข้าร่วมการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้ง ปรากฎว่าพระนโรดม รณฤทธิ์จากพรรค "ฟุนซินเปก"ชนะการเลือกตั้ง โดยฮุน เซน จากพรรค "ประชาชนกัมพูชา" ได้ลำดับที่ 2 ทั้งสองพรรคได้จัดตั้งรัฐบาลโดยมีพระนโรดม รณฤทธิ์และฮุน เซน เป็นนรายกรัฐมนตรีร่วม
         ในปี พ.ศ. 2540 ความตึงเครียดที่ยาวนานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสองพรรคกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างพระนโรดม รณฤทธิ์กับฮุนเซน ซึ่งพยายามแย้งขิงโอกาสในการกุมอำนาจทั้งหมด รวมทั้งพยายามดึงแขมรแดงเข้าเป้นพวก ฮุนเซนได้ออกมากล่าวหาวว่าเจ้านโรดม รณฤทธิ์ วางแผนจะยึดอำนาจโดยมีทหารเขมรแดงหนุนหลัง จึงสั่งให้ทหารในฝ่ายของตนจับกุมฝ่ายของฟุนซินเปก
         เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อ 5 กรกฎาคม 2540 เกิดการปะทะระหว่างมหารที่สนับสนุนฮุน เซนกับพระนโรดม รณฤทธิ์ที่มีพลเอกญึก บุญชัยเป็นหัวหน้าได้ล่าถอยมาตั้งมั่นที่โอร์เสม็ดติดแนวชายแดนที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมีกองกำลังเขมรแดงส่วนหนึ่งเข้าช่วยเหลือฝ่าพระนโรดม รณฤทธิ์ คือกลุ่มของ เขียว สัมพัน และ ตา มก ที่ตั้งมั่นอยุ่ที่อันลองเวงอีกกลุ่มเข้าโจมตีฝ่ายรัฐบาลที่บ้านโอตาเตี๊ยะตรงข้ามกับ อ.บ่อไร่ จ.ตราด ผลการสู้รบกระสุนมาตกฝั่งไทยทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย ชาวกัมพูชาอพยพหนีเข้าฝั่งไทย 3,000  คน การสู้รบดำเนินไปจนถึงเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน นายฮุน เซนเป็นฝ่ายมีชัยเหนือ เจ้านโรดม รณรฤทธิ์ และขอลี้ภัยไปฝรั่งเศส ผุ้นำพรรคฟุนซิดเปกอีกหลายคนออานอกประเทศ อึง ฮวดได้เป็นนายกรัฐมนตรีร่วมแทน  ผุ้นำของพรรคฟุนซินเปกกลับสู่กัมพูชาในช่วงสั้นๆ ระหว่างการเลือกตั้งปีะ 2541 พรรคประชาชนกัมพูชาของนายฮุนเซนเป็นฝ่ายชนะแต่เสียงไม่พอจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคฟุนซินเปก(wikipedia.org. รัฐประหารในประเทศกัมพูชา พ.ศ. 2540)
            ฮุน เซน เกิดที่จังหวัดกำปงจาม เป็นลูกชาวนา อายุ 13 ก็ออกจากบ้านเป็นเด็กเร่ร่อน อาศัยข้าวก้นบาตรพระเพื่อให้ได้เรียนหนังสือ อายุ 19 ปีเข้าร่วมในกองทัพปฏิวัติ(เขมรแดง) ทำการสู้รบกับทหารลอนนอน (Lon Nol) ซึ่งสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุน(CIA)
             ฮุน เซน สูญเสียนัยน์ตาข้างซ้าย ก่อนจะชนะต่อกองกำลังลอนนอน เพียงวันเดียว ตอนนั้นเขามีตำแหน่งเป็นผุ้บัญชาการกองพัน ในปี 2518 ต่อมาอีกสองปีเขาหนีไปยู่เวียดนาม เวียดนามยอมรับในการติดต่อเจรจาของเขา มากกว่า เฮง สัมริน ดังนั้นเมื่อเวียดนามยึดครองกัมพูชา เขาจึงได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศใน พ.ศ.2522 ต่อมาฮุนเซน ได้เป็นสมาชิกกรรมการกลางกรมการเมืองและเป้นสมาชิกสำนักงานเลขาธิการซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารพรรคด้วย และไดัรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในปีเดียวกัน
             อีกสี่ปีเขาได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งอายุน้อยที่สุดของโลกคนหนึ่ง เพราะขณะนั้นเขาอายุ 33 ปี ในปี พ.ศ. 2528 และในปี พ.ศ.2531 รัฐบาลไทยโดยพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ ได้สร้างความประหลาดใจแก่ชาวโลกที่รับรองรัฐบาลเขมรสามฝ่ายที่มีสมเด็นเจ้านโรดม สีหนุเป็นผุ้นำ แต่กลับเชื้อเชิญ ฮุน เซน มาเยื่อนพร้อมตกลงทำชายแดนไทย-กัมพูชา เปลี่ยนสถานะจากสนามรบเป็นสนามการค้า
             เมื่อเวียดนามถอนตัวจากัมพูชา ฮุน เซน ได้ตกลงร่วมประชุมตกลงให้ต่อสู้กันในสนามเลือกตั้งขณะที่เขมรแดงบอยคอต ผลการเลือกตังพรรคประชาชนกัมพูชาของเขา แพ้การเลือกตั้ง เจ้านโรดม รณฤทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ฮุนเซนเป็นรัฐมนตรีคนที่ 2
             นับแต่ปี 2537 นักลงทุนชาวมาเลเซียเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในกัมพูชา
              กัมพูชา เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์มาช้านาน แน่นอนว่าอิทธิพลของกษัตริย์ยังคงมีอยู่ จึงมีความจำเป็นที่ฮุน เซนจะต้องริดรอนอำนาจของกษัตริย์และระบบเพื่อให้ตนดำรงอยู่ในตำแหน่งได้นานที่สุด
            ฮุน เซนมีลูกชายที่จบจาเวศปอยส์ สถาบันทางการทหารอันดับของสหรัฐ จึงต้องถ่วงดุลอำนาจระหว่างตะวันตกกับโลกอิสลาม เพื่อนำเสถียรภาพความมั่นควและมั่งคั่งมาสู่ราชอาณาจักรกัมพูชา (oknation.nationtv.tv ประวัติสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน, 11 กุมภาพันธ์2554)
             "ผมขอขอบคุณคนที่บอกว่าผมเลว ผมขอขอบคุณคนที่บอกว่าผมดี ผมขอขอบคุณพวกเขาทุกคน"
             "แน่นอนว่าผมเคยทำผิดพลาด แต่ได้โปรดไตรตรองเทียบกันระหว่างสิ่งที่ผมทำผิดและสิ่งที่ผมทำถูกด้วย"
             สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ปราศรัยต่อผู้เข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ในโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง "เนียกเลือง" ใน จ.กันดาล ของกัมพูชา ซึ่งตรงกับวันที่ฮุน เซน ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลกัมพูชายุคต่างๆ ครบรอบ 30 ปี ทำให้เป็นผู้นำที่อยู่ในตำแหน่ง"ทางการเมือง"ยาวนานที่สุดในเอเซียอีกด้วย!!
              หากมองจากประวัติศาสตร์กัมพูชาแต่งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา และมองว่ารัฐประหารเป็นการ "ล้างกระดาน" เพื่อให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ การจะกล่าวว่า ฮุน เซน เป็น "ผู้นำที่มาจาการเลือกตั้ง" เมื่อรัฐบาลมีเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น ก็พลอยส่งผลดีต่อการบริหารประเทศ รวมถึงช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเจริญเติบโตอย่างมั่นคงขึ้น
              แต่ก็ใช้ว่าเหตุการณ์ในยุคหลังจะสามารถลบล้างรอยเลือดและน้ำตาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้!! (thairath.co.th, "30 ปี ฮุน เซ็น", 18 มกราคม 2558)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)