ใน พ.ศ. 2559 เขาลงสมัครรับเลือตั้งเป็นประธานาธิบดี และได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และได้รับชัยชนะ เขาประกาศนโยบายขั้นรุนแรงในการกวาดล้างอาชญากรรมใหหมกไปจาฟิลิปปินส์ภายใน 6 เดือน และตั้งเป้าหมายจะสังหารอาชญากรในฟิลิปปินส์ให้ถึงหนึ่งแสนคน.(http//www.th.wikipedia.org โรดรีโก ดูแตร์เต)
ในเวลาเพียงกว่าหนึ่งร้อยวันในการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ด้วยอำนาจและนโยบายปราบปรามยาเสพติดอันเข้มงวด มีผู้เสียชีวิตจากากรปราบปรามไปแล้วกว่า 3,500 คน ซึ่งนอกจากประเด็นที่เป็นที่สนใจของสื่อต่างชาติ ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างฟิลิปินส์ กับสหรัฐอเมริกา
บางส่วนจากการสัมภาษณ์ดูเตอร์เต "..ในฟิลิปปินส์มีผุ้ติดยาเสพติดมากถึง 3 ล้านคน และจำนวนนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขปัญหา คนรุ่นต่อไปของฟิลิปินส์ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบจากยาเสพติดมากขึ้น ก็ในเมื่อคุรทำลายประเทศของผม ผมก็จะฆ่าคุณ ซึ่งมัเป้นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าคุณทำลายเด็กๆ ชาวฟิลิปปินส์ ผมก็จะฆ่าคุณ มันเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล และไม่มีอะไรผิดในการพยายามปกป้องคนรุ่นต่อๆ ไปนี้
ฟิลิปปินส์จะไม่ยอมแพ้ในการต่อสู้ เพราะนี้คือสิทธิที่เราควรได้ คุณสามารถเจรจาต่อรองเพื่อป้องกันการเกิดสงครามได้ซึงทางจีนก็ได้เชิญผมไปเพื่อเจรจาเรื่องนี้เช่นกัน.."
และเมื่อถามถึงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับสหรัฐอเมริกา ดูเตอร์เต้กล่าวว่าทั้งหมดเกิดขึ้นเพาระอเมริการวิพากษณ์วิจารณ์นโยบายปราบปรามยาเสพติดของเขา
"... มีเพียงอเมริกาที่เรียกขึ้นตอนปฏิบัติงานปกติในประเทศนั้นๆ ว่าเป็นความรุนแรง และละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามที่ทุกคนได้ทราบจากข่าวก่อนหน้า พวกเขารวบรวมหลักฐานไปให้สหประชาชาติพิจารณา ทั้งๆ ที่ีในความเป็นจริงแล้วหากเป็นการละเมิดจริงขึ้นตอนควรจะเร่ิมจากในสหประชาชาติเองด้วยซ้ำ ซึ่งฟิลิปปินส์ก็เป็นนึ่งในประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ"(้http//www.posttoday.com ,"รู้จักโรดริโก ดูเตอร์เก ปธน.ฟิลิปปินส์สุดโหดผุ้นี้ให้มากขึ้น")
6 ก.ย. 2558 ประธานาธิบดีโรคริโก ดูเตอร์เก แห่งฟิลิปปินส์ ระบุในแถลงการณ์ที่อ่านโดยโฆษกส่วนตัว ว่าถ้อยคำดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาแดกดันเป็นการส่วนตัวต่อประธานาธิบดีบารัค โอบาม ผุ้นำสหรัฐฯ แต่เป็นการตอบโต้เฉพาะหน้าต่อคำถามบ้างอย่างจากสื่อที่ปลุกเร้าให้เกิดความกังวลและความลำบากใจ แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า มีการตกลงร่วมกันให้เลื่อนการพบกันระหวางผุ้นำของทั้งสองชาติออกไปก่อน
"ลูกกระหรี่ ผมจะสาบแช่งคุณในที่ประชุม" ดูเตอร์เตสบถอย่างฉุนเฉียว อย่างไรก็ตม ทั้นที่ที่เดินทางถึงเวียงจันทร์เมืองหลวงของลาวเพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดสมาคนประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) ช่วงค่ำวันจันทร์ ดูเตอร์เตเปลี่ยนท่าที่ฉับพลันโดยบอกไม่อยากมีปัญหา "ผมไม่อย่างทะเลาะกับเขาหรอก เขาเป็นถึงประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก" ผุ้นำแดนตากาล็อก กล่าวพร้อมกับบอกอีกว่า เขาโกรธเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่วิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนไม่เลิกรา"
ด้านโอบามาได้ทราบข่าวเกี่ยวกับคำพูดหมิ่นประมาท หลังจาเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิต G20 มี่เมืองหางโจว ทางภาคตะวันออกของจีนโดยเขาได้บอกให้คณะผุ้ช่วยไปพูดคุยกับเหล่าเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ เพื่อทบทวนว่าการประชุมทวิภาคีดังกล่าวจะมีการสนทนาอย่างสร้างสรรค์หรือก่อประโยชน์ใดๆ หรือไม่ ซึ่งก่อให้เกิดความสงสัยว่าการพูดคุยจะเป็นไปตามแผนเดิมหรือเปล่า
จากน้ันโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่า โอบามาได้ยกเลิกการหารือกับดูเตอร์เต โดยเปลี่ยนแผนไปพบปะกับประธานธิบดี เกาหลีใต้แทน เพื่ตื่พอตอบสนองต่อการทดสอบขีปนาวุะล่าสุดของเกาหลีเหนือ
เมื่อเดือนกรกฎาคม ศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮกวินิจฉัยให้ฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายชนะ การณีร้องเรียนการอ้างสิทธิทับซ้อนกับจีนในหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลจีนใต้ แต่ดูเตอร์เตกลับประกาศว่าต้องการเจรจาทางการทูตต่อมากกว่ายั่วยุให้ปักกิ่งโกรธ ซึ่งเป็นท่าที่ตรงกันข้ามแบบสุดขั้วกับการด่าทอโอบามา
อย่างไรก็ตาม โฆษกส่วนตัวของผุ้นำฟิลิปปินส์ยืนยันเมื่อวันอังคารว่า ฟิลิปปินส์มีจุดมุ่งหมายหลักในการกำหนดนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระและส่งเสริมความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นักับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน (http//www.manager.co.thหน้าแรกผู้จัดการ Online/ข่าวต่างประเทศ, "ดูเตอร์เต" อ้างฉุนสื่อจอมเสี้ยม ทำหลุดปากด่าผุ้นำมกันลูกกะหรี่)
ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ได้แสดงท่าที่ไม่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกามากขึ้น( 12 กันยายน พ.ศ. 2559) ด้วยการสั่งให้กองกำลังพิเศษอเมริกันทั้งหมด ที่คอยให้คำแนะนำในการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ออกจาพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์
ดูเตอร์เต้ ผู้อ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากมุสลิม เป็นผุ้นำฟิลิปปินส์คนแรกที่ได้รับเสียงโห่ร้องต้อนรับจากพื้นที่ภาคใต้ ทั้งยังเพิ่มความพยายามที่จะนำสันติสุขกลับมาสู่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ อันเป็นดินแดนที่เกิดความไม่สงบมายาวนานนับทศวรรษ จากฝีมือกบฎมสลิมและพวกคอมมิวนิสต์ เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กลับมาเริ่มการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ใหญ่สุด ซึ่งมีกำลังพลราว 12,000 คน นั่นคือกลุ่ม "แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร" ที่ทำการต่อสู้มาตั้งแต่ยุคปี 1970 ดูเตอร์เต้ระบุว่า การที่ฟิลิปปินส์เป็นมิตรกับตะวันตกทำให้การก่อความไม่สงบของพวกมุสลิมเกิดขึ้นไม่หยุด ไพวกกองกำลังพิเศษสหรัฐฯ ที่อยู่ในมินดาเนา พวกเขาต้องไปให้พ้น ชาวมุสลิมจะกระเหนี้ยนกระหือรือมากขึ้นเมือได้เป็นคนอเมริกัน พวกเขาอยากจะฆ่าคนอเมริกัน" ดูเตอร์เต้ระบุ...(http//www.headshot.tnew.co.th, "ใกล้มีมวย!!! "ดูเตอร์เต" สั่งให้กองกำลังพิเศษสหรัฐฯ ออกจาก "ฟิลิปปินส์"!!, 13 กันยายน 2559)
4 ตุลาคม 2559 คำพูดดุเดือดที่เกิขึ้นในขณะที่ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ กำลังซ้อมรบร่วมประจำปี ที่ดูเตอร์เตเคยเตือนว่า อาจเป็นครั้งสุดท้ายในระหว่างที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อตอบโต้อเมริกาที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สงครามต่อต้านยาเสพติดนองเลือดของเขา
"ผมสูญเสียความเคารพต่ออเมริกา" ดูเอร์เต ครำครวญระหว่างการกล่าวปราศรัยยาวเหยียด เกี่ยวกับเสียงเรียกร้องของสหรัฐฯ สหประชาชาาิ และสไภาพยุโรป ให้เคารพสิทธิมนุษยชน"มิสเตอร์ โอบามา ไปลงนรกซะ"
เขายังตราหน้าอเมริกันชนว่า เป็นพวก "เสแสร้ง" และเตือนว่าบางที่อาจถึงเวลาแล้วที่เขาจะทุบทำลายความเป็นพันธมิตรระหวา่งสองชาติลงโดยสิ้นเชิง ในนั้นรวมถึงข้อตกลงกลาโหมร่วม "ที่สุดแล้ว บางที่ในสมัยของผม ผมอาจแตกหักกับอเมริกา ผมอยากเอื้อมมือไปหารัสเซียหรือไม่ก็จีนมากกวา แม้ว่าเราไม่เห็นด้วยกับอุดมการ์ของพวกเขา แต่พวกเขาให้ความเคารพต่อคนอื่น และความเคารพคือสิ่งสำคัญ
ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างฟิลิปปินส์เติบโตแข็งแกร่งขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้การขยายอิทธิพลของจีนทะเลจีนได้โดยเฉพาะ ปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิเหนืออาณาเขตเกือบทั้งหมกของทะเลจีนใต้ ไม่เว้นแม้แต่น่านน้ำที่อยู่ใกล้กับฟิลิปปินส์ และชาติเอเซียตะวัีนออกเฉียงใต้อื่น ๆและเมื่อไม่นามนี้ก็สร้างเกาะเทียมหลายแห่งในพื้ที่พิพาท ซึ่งมีศักยภาพใช้เป็นที่ต้งของฐานทัพ เพื่อตอบโต้จีน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนก่อน นายเบนิโญ อากีโน จึงแสวงหาความสัมพันะ์ใกล้ชิดกับสหรัฐ ฯ ในนั้นรวมถึงการลงนามในข้อตกลงด้านกลาโหมใหม่ ที่เปิดทางให้ทหารอเมริกาหลายพันนาย
หมุนเวียนทั่วฟิลิปปินส์ และอนุญาตให้วอชิงตันประจำการยุทโธปกรณ์ทางทหานตามฐษนทัพต่างๆ ของประเทศ อย่างไรก็ตามนาย ดูเตอร์เตได้ปรบเปลี่ยนเส้นทางนั้น พร้อมเตือนว่า เขาจะยอเลิกข้อตกลงใหม่และจะไม่อนุญาตให้มีการลาดตะเวนร่วมกับสหรัฐฯ อีกในทะเลจีนใต้ (ผู้จัดการ Online 4 ตุลาคม "ดูเตอร์เตห้าวเป้ง!!ไล่โอบามา "ไปลงนรก" ขู่ตัดสัมพันธ์สหรัฐฯ สิ้นเชิง หันซบอกจีน-รัศเซีย)
นาย โรดริโก ดูเตอร์เต เข้าพบประธานาธิบดีจีน ร่วมเจรจาด้านการค้าและรื้อฟื้นความสัมพันะ์ระหว่างทั้งสองประเทศพร้อมประกาศตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐ
นาย โรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากรัฐบาลจีน ที่สภาประชาชนแห่งชาติ จตุรัสเทียนอันเหมิน ณ กรุงปักกิ่ง โดยดูเตอร์เตได้ร่วมประชุม กับ นาย ส จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน และได้หารือข้อตกลงด้านการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
ระหว่างขึ้นพูดที่งานประชุมด้านการค้าระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ ณ กรุงปักกิ่ง ดูเตอร์เต้ก็ได้แถลงว่า เขาจะใช้โอกาศในการเดินทางเยือนประเทศจีนในครั้งนี้ ตัดความสัมพันะ์กับสหรัฐอเมริกา - พร้อมเปิดรับการร่วมมือกับประเทศจีนระยะยาว และทันที่ที่คำพูดของดูเตอร์เต้ถูกเผยแพร่ออกไป รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมาตอบโต้ว่า ควรจะพูดให้กระจ่างกว่านี้ว่า จะตัดความสัมพันะ์กับสหรัฐในรูปแบบใดบ้าง...(http//www.pptvthailand, ดูเตอร์เต้ประกาศตัดความสัมพันธ์สหรัฐ, 21 ต.ค. 2559)
คงต้องยอมรับกันว่าบทบาทของผุ้นำในอาเซียนที่เป็นที่สนใจของผุ้คนทั่วโลกมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา คือประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์ดต ที่แรงได้ใจ กล้าใช้คำหยาบคายกับผู้นำสหรัฐฯ อย่างที่ไม่เคยมีผุ้นำคนไหนของฟิลิปปินส์ทำได้มาก่อน
ประธานาธิบดีโรคริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ วัย 71 ปี ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชนในประเทศ ถึงแม้นานชาติจะแสดงความกังวลในประเด็นที่เขาปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรงเด็ดขาดจนทำให้มีผุ้เสียชีวิตมกถึง 5,000 คน หลังเข้ารับตำแหน่างผุ้นำประเทศคนใหม่เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เขาได้ตั้งคำถามถึงการเป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนากับสหรัฐฯ และหันไปกระชับความสัมพันธ์กับจีนแทนซึ่งนับเป็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น