Nationalism :King Norodom Sihanouk I

              แม้ฝรั่งเศสจะเข้าควบคุมทางการทหาร การบิหาร และการเมืองทั้งหมด กีดกันกษัตริย์ที่ได้รับอิทธิพลอินเดียออกไปจากการมอำนาจที่แท้จริงโดยสิ้นเชิง แต่ฝรั่งเศสก็ช่วยป้องกันกัมพูชาให้พ้นจากความต้องการแลการบีบที่ีอยู่ตอดเวลาจากประเทศที่มีอำนาจมากกว่า คือ เวียดนามและไทย ดังนั้นการคคุ้มครองของฝรั่งเศสทำให้การสืบสันตติวงศ์คงมีอยู่ต่อไป และมีความสงบสุขภายในประเทศ การเปลี่ยนแปลงจากประเทศในอาณานิคมไปเป็นรัฐอิสระจึงเป็นไปอย่างราบรื่น ยิ่งกว่านั้นการเศรษฐกิจแบบชนบทของกัมพูชาไม่ได้ดึงดูดใจนักลงทุนชาวฝรั่งเศ ดังนั้นชาวชนบทจึงไม่ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ดังที่พม่าและเวียดนามได้ประสบ กัมพูชากอ่รูปแบบ "การปกครองทางอ้อม" ขึ้นโดยมีวัฒนธรรมสมัยใหม่เข้าไปเพียงเล็กน้อย การศึกษาแบบฝรั่งเศสให้ประโยชน์แก่สมาชิกแต่เพียงจำนวนน้อยทีเลือกสรรแล้วจากราชสำักและพวกขุนาง ความจริงแล้ว การศึกาาระดับสูงกว่ามีให้เพียงในเวียดนาม แต่ไม่มีในกัมพูชาเอง ชาวต่างชาติคือชาวจีนและชาวเวียดนาม มากว่าจะเป็นคนพื้นเมือง ที่เป็นผุ้ให้บริการทางด้านการบริหารและการเศรษฐกิจที่เป็นแบบสมัยใหม่
             การหมดอำนาจลงอย่างกะทันหันของฝรั่งเศสเมื่อตกอยุ่ในกำมือของญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 ไม่ได้ทำให้กัมพูชากระทบกระเทือนมากนัก แม้ว่าญี่ปุ่นได้ทำการเหลี้ยกล่อมกษัตริย์หนุมคือ เจ้านโรดมสีหนุให้ประกาศอิสรภาพของกัมพูชา สมัยหลังสงครามใหม่ ๆ ได้มีการต่อสู้กันทางการเมืองในเมืองหลวงโดยมีฝ่ายตรงข้ามปลุกปั่นและได้รับการสนับสนุนจากไทยหรือคอมมิวนิสต์เวียดนาม แต่สีหนุสามารถเอาชนะในเชิงเล่ห์เหลี่ยนมไปได้ด้วยการใช้นโยบายทางการทูตที่ฉลาดมีเล่ห์เหลี่ยมและอดทน พระองค์สามารถป้องกันรักษาอิสรภาพของกัมพูชาจากฝรั่งเศสไว้ได้ และในเวลาเดียวกัน จากการต่อรองที่่ื้ดื้อดึง กัมพูชาสามารถทำให้กลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ยอมรับความเป็นหลางของกัมพูชาในการประชุมที่เจนีวา กัมพูชาสามารถทำให้กลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ยอมรัับความเป็นหลางของกัมพูชาในการประชุมที่เจนีวา อำนาจทางการทหารของอเมริกันได้เจริญงอกงามขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคแถบนี้โดยเฉพาะการอุปถัมภ์ของอเมริกันต่อประเทศคู่แข่งโบราณของกัมพูชา คือ ไทยและเวียดนาม ซึ่งในสายตา
ของสีหนุรู้ว่า เป็ฯอัจตรายอย่างร้ายแรงต่อความเป็นกลางของกัมพูชา หลังจากที่ได้ยอมรับการช่วยเหลือทั้งจากจีนและอเมริกาอยู่หลายปี ในที่สุดเจ้าสหนุตัดความสัมพันะ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มิใช่จะปิดประตูตายตัดการติดต่อกับตะวันตก ความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสยงคงเป้นไปอย่างมีไมตรีจิต ความผุกพันทางด้านวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศกลับมั่นคงยิงขึ้นในขณะนี้ยิ่งกว่าแต่ก่อน จำนวนนักศึกษาของกัมพูชาที่ไปศึกษาต่อในประเทศฝรังเศสยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม้ทางการทุตสีหนุต้องพึ่งการสนับสนุนจากฝรั่งเศสอยู่มาในทศวรรษที่ 1960
             หลักสำคัญของนโยบายทางการเมืองภายในของกัมพูชาก็คือการอยู่รอดและความมั่นคงของประเพณีต่างๆ เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีพระในพุทธศาสนาเป็นผุ้ค้ำจุน และพุทะศาสนาเองก็ผูกพันและขึ้นอยู่กับกษัตริย์ด้วยเช่นกัน เป็นเรื่องผิดธรรมดาอยู่ที่สีหนุสละราชสมยัริในฐานะกษัตริย์เพื่อที่จะเป็นผุ้นำทางการเมืองอย่างแท้จริงของประเทศ แต่เป็นด้วยบุญบารมีของความเป็นกษัตริย์แต่เก่าก่อนผสมกบอำนาจดึงดูดของสีหนุเอง และความมีฝีมือได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวที่แข็.แรงของกัมพูชาอิสระได้
              หลังจากการทดลองระยะสั้นในแบบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญได้อัปปางลงด้วยการต่อสู้ทางการเมืองหลายฝ่าย สีหนุจึงได้ก่อตั้งแนวหน้าแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก คือ "ชุมชนสังคมนิยมของประชาชน" และหลังจากนั้นไม่นาม สีหนุได้เริ่มต้นรูปแบบรัฐบาลที่เป็นปบบเฉพาะตัวยิ่งขึ้น มีการพัฒนาทางการเมืองในระดับต่ำ การครองอำนาจเด็ดขาดและสมบูรณ์โดยแท้ของอดีตกษัตริย์เผชิญกับการต่อต้านน้อยมาก ถึงกระนั้นจำนวนคนหนุ่มสาวกัมพูชาที่กลับจากศึกษาในฝรั่งเศสทวีจำนวนมากขึ้น พวกนีไม่ได้ถูกกีดกันจากชนชั้นที่มสิทธิ์มีเสียงที่สุดของประเทศอีกต่อไปแล้ว แต่ได้เกิดมีความแตกร้าวตึงเครียดระหว่างวัยขึ้น เป็นที่รู้กันในส่วนอื่นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นระยะหนึ่งก่อนที่พวกคนหนุ่มเหล่านี้สามารถท้าทายสีหนุและพรรคพวกใกล้ชิดได้สำเร็จ..
             ฝรั่งเศสมีปัจจัยในการเลือกพระองค์ขึ้นครองราช อันเนื่องมรจากพระองค์ได้สืบเชื้อสายจากสองราชสกุล คือ นโรดมจากพระบิดา และสีสุวัตถิ์จากพระมารดา เมื่อเลือกพระองค์เป็นกษัตริย์ถือเป็นการประนีประนอมแก่ทั้งสองราชสกุล และพระองค์ก็ใช้เหตุผลนี้อ้างเช่นกัน แจ่ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงเพราะมีเชื้อพระวงศ์อีกหลายพระองค์ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากทั้งสองราชสกุล และอยู่กล้การสืบสันตติวงศ์มากกว่าพระองค์ด้วยซ้ำ
              ในช่วงฝรังเศสอ่อนแอหลังจขากความพ่ายแพ้ต่อเยอรัมน และการที่ฝรั่งเศสยอมโอนอ่อนให้ญี่ปุ่นเข้ามตั้งกองทหารในอาณานิคมอินโดจีนปลายปีเดียวกย ตามด้วยการไกล่เกลี่ยสงครามฝรั่งเศสกับไทยช่วงต้นปี ซึ่งลงเอยด้วยการเสียดินแดน และการยอมให้ทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งในกัมพูชา แม้ฝรั่งเศสจะประนีประนอมกับกัมพูชา แต่กระนั้นก็มิได้ลดความเข้มงวดลงนักโดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากฝรั่งเศสต้องการใช้สถาบันกษัตริย์เพื่อเป็นเครื่องมือต่อการธำรงอำนาจของจนต่อไป
              หลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มนีวงศ์ ฝรั่งเศสจึงส่งราชสมบัติไปยัง นักองราชวงศ์ นโรดม สีหนุ เชื้อพระวงศ์หนุ่มที่กำลังศึกษาอยู่ในลีเซ ไซ่ง่อน นักองคราชวงศ์นโรดม สีหนุ จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติครั้งแรกเมือเดือนกันยายน 1941 ทำให้การสืบราชสันตติวงศ์ของกัมพุชากลังมายังสายของพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ หรือนักองตาชาวดีอีกครั้งหนึ่ง ด้วยฝรั่งเศสมั่นใจอย่างยิ่งยวอว่าจะสามารถคุมสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้
             ในชวงที่พระงอค์ครองราชย์นั้นเป็นช่วงที่มีการต่อต้านฝรั่งเศสและเกิดกระแสชาตินิยม แต่ฝรั่งเศสก็ยังมีความสามารถที่จะปกป้องระบบการปกครองของตนดังเมื่อเกิดการประท้วงในเดือนกรกฎาคม 1942 เนืองจากการที่ฝรั่งเศส จับกุมพระภิษุรูปหนึ่งในข้อหาวางแผนรัฐประหารโดยมิให้ลาสักขา ฝรั่งจึงใช้กำลังสลายกลุ่มผุ้ชุมนุมกว่าพันคนอย่างรวดเร็ว ต่อมามีการชุมนุมเรียกร้องเอกราชที่พระตะบอง นำโดย ปก คุณ และรัฐบาลไทยในช่วง ค.ศ. 1940-1948 ต่างสนับสนุนทุน, ฐาน และอื่นไ แก่เขมรอิสระ จึงมีการติดอาวุธต่อส้กับฝรั่งเศสแถบชายแดนไทยอยู่เนืองๆ แต่ภายหลังเมือรัฐบาไทยยุติการสนับสนุเขมรอิสระจึงแตกเป็นหลายกลุ่ม เช่น ฝ่ายซ้ายเข้ากับเวียดมินห์ ส่วนฝ่ายวาก็ทำการต่อต้านฝรั่งเศสและสีหนุ เป็นอาทิ
            ปี 1945 กองทหารญีุ่ปุ่นที่ยึดครองอินโดจีนของฝรั่งเศสอย่างหลวมๆ ได้เข้าปลดอาวุธฝรั่งเศสทั่วอินโดจีน และให้เจ้าหน้าที่ชาวฝรั่งเศสลาออกจาตำแหน่งการปกครอง รวมทั้งมีการติดอาวุธให้แก่ชาวกัมพูชา และปลุกกระแสชาตินิยมต่อต้านฝรั่งเศสมาใช้เพื่อทานการรุกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่าดว่าจะเกิดในปีนั้น ดยพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุทรงออกมาประกาศเอกราชและยกเลิกสนธิสัญญาและพันธะกรณีทั้งปวงที่มีต่อฝรั่งเศส และสร้างข้อตกลงกับญี่ปุ่นแทน
           สิงหาคม 1945 มีการรัฐประหารต่อต้านกษัตริย์ซึ่งเป็นพวกของเซิง งอกทัญขณะที่เซิง งอกทัญ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนเดียวกัน หลังจากการรัฐประหารที่คลุมเครือ และไม่กีวันต่อมาญี่ปุ่นก็ยอมแพ้แก่สัมพันธมิตรให้หยั่งเสียงการสนับสนุนเอกราช ซึ่งเป็นไปอย่างท่วมท้น แต่ภายหลงนายกเซิง งอกทัญ ก็ถูกปลดออก และฝรั่งเศสก็กลับมามีอำนาจแทนที่
           ทรงสละราชสมับัติ เพื่อทรงดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรีของปรเทศกัมพูชา เมื่อทรงเวนราชสมบัติ ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์ที่พระมหาอุปยุวราชในพระนามสมเด็จพระนโรดมสีหนุ เมื่อพระราชบิดาเสด็จสุรคต ก็ได้มีคณะผุ้สำเร็จราชการแผ่นดิแทนพระองค์พระมหากษัตริย์ขึ้น มีสมเด็นกรมพระสีัสุวัตถิ์มนีเรศเป็นองค์ประธาน ต่อมา สมเด็จพระนโรดม สีหนุตัดสินพระทัยให้มีตำแหน่งประมุขของรัฐขึ้นมาแทนที่พระมหากษัตริย์ โยพระองค์ได้ทรงดำรงตำแหน่งนั้น แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังคงอยู่โดยมีพระราชชนนีของพระองค์เองเป็นพระนิมิตรูปหรือสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์
            สมเด็จพระนโรมดม สีหนุได้ตัังพรรคการเมืองสังคมราษฎร์นิยม ขึ้นมาเพื่อเลือกตั้งและทรงชนะการเลือกตั้ง ได้ทรงบรหารดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบ้าง ประมุขแห่งรัฐบ้างไปอีกถึง 15 ปี
             ปี 1970 สมาชิกสภาแห่งชาติลงมติปลดสมเด็จพระนโรดม สีหนุออกจากตำแหน่งประมุขรัฐขณะเสด็จเยือนต่างประเทศ แผนการรัฐประหารครั้งนี้นำโดยนักองค์ราชวงศ์สีสุวัตถิ์ สิริมตะ และมี ลอน นอล เป็นผู้ลงนามประกาศสนับสนุนการปลดพระองค์ในสภาแห่งชาติ และมีการสถาปนาสาธรณรับเขมรขึ้นมา
            สาธารณรัฐเขมร ได้มีการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเขมรอย่างเป็นทางการ โดยกลุ่มฝ่ายขวาที่นิยมสหรัฐอเมริกา นำโดย ลน พล และนักองค์ราชวงศ์สีสุวัตถิ์ สิริมตะ ซึ่งได้อำนาจมาจากการรัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ สาเหตุจากการที่สมเด็จพระ นโรดม สีหนุ หันไปสนับสนุนกิจกรรมของเวียดนามเหนือตามแนวชายแดนกัมพูชา ยอมให้มีการขนส่งอาวุธหนึกของฝ่ายคอมมิวนิสต์ฝ่านพ้นที่กัมพูชาตะวันออก และเศรษฐกิจของกัมพูชาได้รับผลกรทบจานโยบายของสีหนุที่ประกาศเป็นกลางและต่อต้านสหรัฐอเมริกา
            เมื่อสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พ้นจากอำนาจ การปกครองของกัมพูชาจึงเปลี่ยนจากราชอาณาจักรมาเป็นสาธารณรัฐ แม้ว่าราชบัลังก์จะว่างมาหลายปี ลักษระของระบอบใหม่เป็นชาตินิยมฝ่ายขวา เป็นการสิ้นสุดความร่วมมือกับเวียดนามเหนือและเวียดกงในยุคสมเด็จพระนโรดม สีหนุกับเวยดนามหนือ และเวีดกง ในยุคสมเด็จพระนโรดม สีหนุและเป็ฯพันธมิตรกับเวียดนามทใต้ในสงครามอินโดจีนที่กำลังดำเนินอยู่ สาธารณรับเขมรได้ประกาศเป็นฝ่ายตรงข้ามกับแนวร่วมสหภาพแห่งชาติเขมร ซึ่งเป็นพันธมิตรในแนวชายแดนระหว่างฝ่ายของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กับพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ฝ่ายทหารขององค์กรดังกล่าวคือ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติประชาชนกัมพูชา ซึ่งได้รับการสรับสนุนจากกองทัพประชาชนเวียดนามและแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติเวียดนามใต้หรือเวียดกง ซึ่งเข้ามาใช้พื้นที่ของกัมพุชาเพื่อเข้ายึดครองเวียดนใต้
           
แม้ว่ารัฐบาลของสาธารณรัฐเขมรจะเป็นรัฐบาลทหารและได้รับการสนับสนุนทางทหารและการเงินจากสหรัฐอเมริกา แต่กองทัพของรัฐบาลนี้กลับอ่อนแอ ไม่ได้รับการฝึกฝนที่พอเียง ทำให้พ่ายแพ้ต่อกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติประชาชนกัมพุชา กองทัพประชาชนเวียดนาม และเวียกง สาธารณรัฐเขมรจึงล่มสลาย...
               ในช่วง ปี 1975 กองกำลังเขมรแดงได้ยกเข้ามาล้อมพนมเปญไว้ มีผุ้อพยพเข้าในเมืองหลวงมากขึ้น ลน นล ได้สั่งให้ส่งเฮลิคอบเตอร์ไปคุ้มกันประชาชนเหล่านั้น การได้รับการสนับสนุนจากจีนทำให้ฝ่ายเขมรแดงมีความเข้มแข้.มากว่า การพยายามเจรจาสันติภาพล้มเหลวเพราะสีหนุปฏิเสธที่จะเจรากับ ลน นล โดยตรง แผนสันติภาพที่ฝรังเศสเสนอต่อจีนใหสีหนุกลับไปเป็นประมุขของสาธารณรัฐเขมรล้มเหลวเช่นกัน
               เมษายน ปีเดียวกัน ลน นล ได้ประกาศลาออกและลี้ภัยออกนอกประเทศ กองทัพฝ่ายสาธาณรัฐสลายตัวไป เจ้าสิริมตุ, ลอ ฌบเรต, ลน นน และนักการเมืองอื่นๆ ยังคงอยู่ในเมืองหลวงเพื่อจะพยายามเจรจาสงบศึกกับฝ่ายเขมรแดง จนกระทั่งเมืองพนมเปญแตกในวันที่ที่ 17 ฝ่ายเขมรแดงได้ประหารชีวิตนัการเมือง ในระบอบเก่าทั้งหมด สาธารณรัฐเขชมรจึงล่มสลายลง บริวเณสุดท้ายที่อยู่ภาภยมต้อำนาจของฝ่ายสาธาณรัฐเขมรคือบริเวณปราสามเขาพระวิหาร บนเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งกองทัพฝ่ายสาธารณรัฐสามรถยึดครองไว้ได้ในปลายเดือนเมษายน และฝ่ายเขมรแองแย่งชิงมาในเดือนพฤษภาคม
               กัมพูชาประชาธิปไตย ด้วยการสนับสนุนของชาวกัมพูชาในชนบท เขมรแดงจึงสามารถเข้าสู่กรุงพนมเปญ และให้พระนโรดม สีหนุ เป็นผุ้นำปรเทศจึงถึง เมษายน 1976 หลังจากนั้น สีหนุถูกกัก
บริเวณในพนมเปญ จนกระทั่งเกิดสงครามกับเวียดนาม พระองค์จึงลี้ภัยไปจีน อำนาจที่แท้จริงเเป็นของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์และเจ้าหน้าที่ระดับสุงของรัฐและนายกรัฐมนตรี พล พต รองเลขาธิการพรรคือ นวน เจีย และคนอื่นๆ อีก 7 คน สำนักงานต้ั้งอยู่ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในขณะนั้นว่า ศูนย์กลาง, องค์กรหรืออังการ์ เขมรแดงทำลายระบบกฎหมายและระบบศาลของสาธารณรับเขมร ไม่มีศาล ผุ้พิพากษาหรือกฎหมายใดๆ ในกัมพูชาประชาธิปไตย
               ทันทีที่พนมเปญแตก เขมรแดงสั่งให้อพยพประชาชจำนวนมากออกจากเมืองโดยกล่าวอ้างว่าสหรัฐฯมาทิ้งระเบิด การอพยพประชาชนเช่นนั้เกิดขึ้นในอีกหลายเมือง แขมรแดงจัดให้ประชาชนเหล่านี้ออกมาอยู่ในนิคมในชนบท ให้อาหารแต่เพียงพอรับประทาน ไม่มีการขนส่ง บังคับให้ประชาชนทำการเกษตรเพื่อผลิตอาหารให้เพียงพอ เขมรแดงต้องการเปลี่ยนประเทศไปสู่ความบริสุทธิ์ที่ไม่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงและปรสิตในสังคมเมือง นิคมที่สร้างขึ้นบังคับให้ทั้งชายหญิงและเด็กออกไปอำงานในทุ่งนา ทำลายชีวิตครอบครัวดั้งเดิมซึ่งเขมรแดงกล่าวว่าเป็นการปลดแอกผู้หญิง
             
หลังจากได้ชัยชนะในสงครามกลางเมืองไม่นาน เกิดการปะทะระหว่างเวียดนามกับทหารเขมรแดง พล พต และ เอียง ซารี เดินทางไปฮานอย ทำให้ความขัอแย้งสงบลงในขณะที่เขมรแดงครองอำนาจในกัมพูชา ผุ้นำเวียดนามตัดสินใจสนับสนุนกลุ่มค่อต้าน พล พต ในกัมพูชาเมื่อต้นปี 1978 ทำให้กัมพูชาตะวันออกเป็นเขตที่ได้รับการสนับสนุจากเวียดนาม เดือนพฤษภาคม ปีเดียวกัน เกิดการลุฮือในกัมพูชาตะวันออก มีการฆ่าชาวเวียดนามในกัมพูชาตะวันออกเป็นจำนวนมาก และยังแสดงความต้องการจะยึดดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมาเป็ฯของกัมพูชา ในเดือนพฤศจิการยนปีเดียวกัน วอน เว็ต ก่อรัฐประหารแต่ล้มเหลว ชาวเวียดนามและชาวกัมพูชานับหมืนคนอพยพเข้าสู่เวียดนาม ธันวาคมปีเดียวกัน วิทยุฮานอยประกาศจัดตั้งแนวร่วมสามัคคีประชาชาติกู้ชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มต่อต้านพล พต ทั้งที่นิยมและไม่นิยมคอมมิวนิสต์ โดยมีกองทัพเวียดนามหนุนหลัง เวยดนามเร่ิมรุกรามกัมพูชาเพื่อโค่นล้มเขมรแดงและสามารถเข้าสู่กรุงพนมเปญขับไล่เขมรแดงไปได้ในเดือนธันวาคม ปีต่อมา จัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนกัมพุชา


                     - (www.th.wikipedia.org/..,พระบาทสมเด็จพระนโรดม_สีหนุ, สาธารณรัฐเขมร, กัมพูชาประชาธิปไตย, ประเทศกัมพูชา)
                   

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)