ประเทศอินโดนีเซียมีหมู่เกาะหลัก 5 เกาะคือ อีเรียน, ชวา, กลิมันตัน, สุลาเวสีและสุมตราซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรระดาเกาะหลักทั้ง 5 เกาะ แต่ประมาณ 60% ของประชากรกว่า 200 ล้านคน อาศัยอยู่บนเกาะนี้และเป็นที่ตั้งกรุงจาการ์ตาซึ่งเป็นเมืองหลวง หมู่เกาะเหล่านี้อยู่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างมหสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ชายฝั่งของประเทศอินโดนีเซียยาวประมาณ 2,600 กิโลเมตร และมีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ปาปัวนิวกินีและติมอร์ตะวันออก
ความแตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 300 กลุ่มชาติพันธ์ุและภาษาพื้นเมือง และสำเนียงท้องถิ่นที่แตกต่างกันถึง 742 ภาษา ชาวอินโดนีเซียส่วนมากสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่านที่พูดตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ภาษาของแลุ่มชนดังกล่าวสามารถที่จะสืบค้นย้อนไปถึง ภาษาโปรโต-ออสโตรเนเซียน ผุ้ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะปาปัวภาคตะวันออก ของประเทศอินโดนีเซีย ชาวชวา คือ กลุ่มชนเผ่าที่มีจำนวนมากที่สุด ซึ่งมีอยู่ราว 42% ของจำนวนประชากร เป็นกลุ่มชนชั้นนำทางการเมือง และวัฒนธรรมนอกจากนี้ยังมีกลุ่มชนชาติหลักๆ ที่มีจำนวนพอไกับชาวชวา เช่น ชาวซุนดา ชาวมาเล และชาวมาดูราจิตสำนึกของความเป็นชาวอินโดนีเซย จะขนาดควบคู่ไปกับอัตลักษณ์ของท้องถิ่นตนเององย่างเหนียวแน่น ความตึงเครียดทางสังคม ศาสนา และเชื้อชาติ เป็นสิ่งที่เคยกระตุ้นให้เกิดความขัแย้งรุนแรง อันน่่าสะพรึงกลัวมาแล้ว ชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีน เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศ แต่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง มีจำนวนราว 3-4% ของจำนวนประชากรอินโดนีเซีย
ในปี ค.ศ. 2010 ประเทศอินโดนีเซียมีผู้นับถือศาสนาดังนี้ อิสลาม 87.2% คริสต์ 9.9% ฮินดู 1.7% พุทธ 0.7% ขงจื้อและศาสนาอื่น 0.2% (th.wikipedia.org/../ประเทศอินโดนีเซีย)
อาณาจักรโบราณในหมู่เกาะอินโดนีเซีย ต้นคริสศตวรรษที่ 6 ในขณะที่อาณาจักรฟูนันกำลังเสื่อมลงรัฐต่างๆ ในหมู่เกาะอินโดนีเซยก็มีความเจริญขึ้นมาแทนที่ คือ อทณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่ควรจะกล่าวถึง คอื ศรีวิชัย สิงหัสสาหรี และมัชฌปาหิต ตามลำดับ ทั้ง 3 รัฐ มีอารยธรรมแบบฮินดู-ชวา และพุทธมหายาน
อาณาจักร ศรีวิชัย หรืออาณาจักรศรีโพธิ์ เกิดขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ ในช่วงที่อาณาจักรฟูนันล่มสลายเป็นอาณาจักรของชาติพันธ์ุมลายูโบราณ มีอาณาเขตครอบุลุมมลายู เกาะชวา เกาะสุมตรา ช่องแคบมะละกา ช่องแคบซุนดา และบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยพื้นที่อาณาจักรแบ่งได้สามส่วน คือส่วนของชวาได้แยกตัวออกไปตั้งเป็นอาณาจักรมัชปาหหิต ตอ่มาเมื่ออาณาจักรศรีวิชัยอ่อนแอลง อาณาจักรมัชปาหิตได้ยกทัพเข้ามาตีศรีวิชัย ได้ดินแดนสุมาตราแลบางส่วนของคาบสมุทรมลายูไป และทำให้ศรีวิชัยล่มสลายไปในที่สุด ส่วนพื้นที่คาบสมุทรที่เหลือต่อมมาเชื่อพระวงศ์จากอาณาจักรเพชรบุรีได้เสด็จมาฟื้นฟูและตั้งเป็นอาณาจักรนครศรีธรรมราช
ศ.ยอร์ช เซเดส์ ระบุว่า ศรีวิชัยน่าจสถาปนาในช่วงเวลก่อนปี พ.ศ.1225 เล็กน้อย ขณะที่เสรนีย์อนุชิต ถาวรเศรษฐ เลขานุการคณะอนุกรรมการตรวจสอบหลักฐานอาณาจักรศรีโพธิ์ วุทฒิสภา ระบุว่า อาณาจักรศรีโพธิ์(ศีรวิชัย) สถาปรสขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 1202 โดยใช้หลักการทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ตรวจหาวันที่จากเหตุกาณ์ทางดาราศษสตร์ ที่อ้างอิงถึงในตำนานท้องถ่ินเกี่ยวกับการสถาปนาอาณจักรที่ว่า "หลังเสร็จสิ้นสงครามแย่งช้าง ต่อมาได้เกิดสริยคราสแหวนเพชร ขึ้นในท้องที่ดังกล่าว หลังจากนั้น 7 วัน มหาราชทั้งสอง ได้ทำพิธีบรมราชาภิเษกที่เขาสุวรรณบรรพต แล้วขึ้นครองราชสมบัติ สถาปนาอาณาจักรศรีโพธิ์" ส่วนที่ตั้งศูนย์กลางอาณาจัร มีการถกเถียงกันจนปัจจุบันก็ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่มีสองแนวคิดที่เชื่อถือกันอยู่ คือ คู่เมือง ไชยา-สุราษฎร์ธานี และที่เมืองเปเล็มบังขสุมาตรา ทั้งหนี้เพราะมีหลักฐานจารึกชัดเจนว่า ปี พ.ศ. 1369 พรเจ้าศรีพลบุตร(ครองชวากลาง)พระนัดดาในพระเจ้าศรีสงครามธนัญชัย(ครองทั้งศรีวิชัยและชวากลาง)ยกทัพจากชวากลางมาตีศรีวิชัย จากพระใหญ่(พระนัดดาอีกสายของพระเจ้าศรีสงครามฯ ที่ครองศรีวิชัย)แล้วชิงได้ราชสมบัติไป แนวความคิดเรือ่งชวากลาง(สถานที่ประดิษฐานเจดีย์บุโรพุทโธ) เป็นศูนย์กลางจึงตกไป
มีการพบศิลาจารึกภาษามลายูโบราณเกี่ยวกับอาณาจักรศรีวิชัยนี้ ทั้งที่สุมาตรา และที่วัดเสนาเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราชและพบศิลาจารึกภาษาสันสกฤตเมืองไชยา ระบุว่าศรีวิชัยเป็นเมืองท่าค้าพริก ดีปลีและพริกไทยเม็ด โดยมีต้นหมากและต้นมะพร้าวจำนวนมาก
หลวงจีนอี้จิง เคยยเดินทางจากเมืองกวางตุ้งประเทศจีน โดยเรือของพวกอาหรับ ผ่านฟูนันมาพักที่อาณาจักรศรีวิชัยในเดือน 11 พ.ศ. 1214 เป็นเวลา 2 เดือน ก่อนที่จะเดินทางต่อผ่านเมืองไทรบุรีผ่านหมู่เกาะคนเปลือยนิโคบร์ ถึงเมืองท่า
อาณาจักรศรีวิชัย เป็นศูนย์กลางทางทะเลซึ่งเจิรญขึ้นมาแทนที่อาณาจักรฟูนัน (ทางบก) ดั้งอยู่ในหมู่เกาะและเข้าควบคุมช่องแคบมะละการและช่องแคบซุนดา ตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 6 เป็นศุนย์กลางของเส้นทางการค้าระวห่งจีนและอินเดีย เมืองท่าสำคัญคือ ปาเล็มปังด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ดี ทำให้ศรีวิชัยมีอิทธิพลทางด้านการค้าและการเมืองเหนือดินแดคาบสมุทรมาลายู ฝั่งตะวันออก มีผุ้นำที่เข้มแข็งเป็นนักการทูตที่เฉลียวฉลาด การส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีนในคริตศตวรรษที่ 5-6 เพื่อให้จีนรับรองอำนาจได้สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้กับอาณาจักร ศาสนาพุทธได้เจิรญรุ่งเรืองเป็นอย่างมกในอาณาจักรนี้ ปรากฎหลักฐานในการสร้างเจดีย์บุโรพุทโธในภาคกลางของเกาะชวา อาณาจักรเริ่มเสื่อมลงในคริสศตวรรษที่ 11-13 เนื่องมาจากจีนเดิน
ทางออกมาค้าขายนอกประเทศบ่อยขึ้น จีนเปลี่ยนเมืองท่าในการค้าขายใหม่เช่น ในชวา สุมาตราและอ่าวไทยทำให้เศรษฐกิจของศรีวิชัยตกต่ำลง อีกทั้งยังประสบปัญหาถูกพวกโจละจากตอนใต้ของอินเดียรุกราน สาเหตุสำคัญที่สุดเกิดอาณาจักรใหม่ที่มีความเข้มแข็งทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจขึ้นมาแทนที่ คือ อาณาจักสิงหัสส่าหรี
อาณาจักรสิงหัสสาหรี เป็นอาณาจักรบนเกาะชวาตะวันตก สิงหะส่าหรีเคยยกทัพไปตีศรวิชัยในพุทธศตวรรษที่ 18 อาณาจักรสิงหะส่าหรีอยู่ได้ไม่นานก็ถูกเจ้าชายจายากัตวัง แห่งอาณาจักรเคดีริ โจมตีเมืองหลวงในขณะที่พรเจ้าเอรตานาการ(เกี่ยตินคร)กำลังบูชาพระศิวะ แต่เจ้าชายวิชัย ราชบุตรเขยได้กู้เมืองมาได้แล้วตั้งอาณาจักมัชปาหิต
ขณะที่อาณาจักรศรรีวิชัยเริ่มเสื่อมก็มีอาณาจักรหนึ่งเรืองอำนาจขึ้นมาในบริเวณภาคกลางของเกาะชวา คือ อาณาจัการสิงหัสสาหรี กษัตริย์องค์สำคัญคือ พระเจ้าเกียตินคร พระองค์ทรงได้ขยายอำนาจและอิทธิพลของอาณาจักรไปทั่วเกาะชวา ใช้อำนาจทางทหารและศาสนาจนสามารถควบคุมช่องแคบมะละกาและสามารถขึ้นมาเรืองอำนาจแทนอาณาจักรศรีวิชัยได้ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จมากนัก จากการไม่ส่งเครื่องราชบรรณาการไปจีนดังที่เคยกระทำในช่วงต้น ทำให้ในช่วงปลายพวกมองโกลรุกราน อีกทั้งยังเกิดกบฎในเมือง จึงเป็นสาเหตุหลังที่ทำให้อาณาจักรสิงหัสสาหรีต้องเสื่อมลง
อาณาจักรมัชฌปาหิต เป็นอาณาจักรในชวาตะวันออก มีอำนาจกว่า 200 ปี กษัตรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ฮะยัม วูรุค ซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักแห่งนี้ โดยได้ขยายอำนาจไปทั่วแหลมมลายูตอนใต้บอร์เนียว สุมตรา บาหลีและฟิลิปปินส์ มัชปาหัต เป็นอาณาจักรฮินดูแห่งสุดท้ายในหมู่เกาะมาเลย์ ก่อนนี้มีอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งเชื่อว่ามีที่ตั้งอยู่ในปาเลมบัง บนเกาะสุมาตรา ผู้สถาปนาอาณาจักรมัชปาหิต ก็คือ การ์ตะราชะสา หรือ ระเด่นวิชัย ลูกเขยของกษัตริย์แห่งอาณาจักรสิงหะส่าหรี ซึ่งอยู่บนเกาะชวาเช่นกัน หลังจากสิงหสารีแผ่อำนาจกว้างไกลจนกลุ่มศีวิชัยต้องถอยออกไปจากเกาะชว่า อำนาจอันยิ่งใหญ่ของสิงหสารีก็เป็นที่สนใจแก่กุบไลข่านในจีน ซึ่งได้ส่งทูตมาของเครื่องราชบรรณาการ ในเวลานั้นการ์ตะนคร ผุ้ปกครองอาณาจักรสิหสารีทรงปฏิเสธ กุบไลข่านจึงส่งกองเรือถึง 1,000 ลำมาประชิดชายฝั่งชวาในปี
อาณาจักรมัชฌปาหิต อาณาจักรสุดท้ายในหมู่เกาะอินโดนีเซียถือว่าเป็นตัวแทนของอาฯาจักรสิงหัสส่าหรี ในการดำเนินนโยบาการแผ่ขยายอาณาเขตไปยังเกาะอื่นๆ ในหมู่เกาะอินโดนีเซียเข้าเป็นสมาพันธรัฐ ผุ้ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรื่องในแก่อาณาจักหาใช้กษัตริย์ไม่ แต่เป็นเอกอัครมหาเสนาบดี คชา มาดา ผลงานสำคํญเช่นใช้กำลังทางทหารเป็นเครื่องมือในการก่อตั้งจักวรรดิ จัดระเบียบการปกครองภายในเป็นสัดส่วน เสริมความสามารถของหน่วยงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ จัดให้พระบรมวงศานุวงศืทำงานในตำแหน่งต่าางๆ เป็นการลดอำนาจและตัอปัญหาการแย่งชิงอำนาจซึ่งกันแลกัน สำรวจสำมะโนประชากร เพื่อจัดให้เป็นชนชั้น สะดวกแก่การจัดสรรอาชีพ รวบรวมตัวบทกฎหมายโดยดัดแปลงกฎหมายชวาเดิม ผสมผสานกับคำภีร์ธรรมศาสตร์ของอินเดีย สร้างสัมพันธไมตรีทางการค้ากับอาณาจักรใกล้เคียงเช่น อยุธยา พม่า เขมร จามปา เวียดนาม จีน อินเดีย เปอร์เซียร์ ทำให้อาณาจักมัช
ฌปาหิตมีเสถียรภาพทางการเมืองส่งผลให้เศรษฐกิจของมัชฌปาหิต ดี เป็นศูนย์กลางทางการต้าระวห่างตะวันตกกับตะวันออกสินค้าสำคัญคือเครื่องเทศ ไม่หอม งาช้าง ดีบุกฯลฯ เมื่อ คชา มาดา ถึงแก่อนิจกรรม อาณาจักรมัชฌปาหิตก็เสื่องอำนาจลง สาเหตุสำคัญประการหนึ่งคอ การขยายตัวของอาณาจักรอิสลามเข้ามายังหมู่เกาะเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐเล็กๆ หันไปนับถือศาสนาอิสลามมากขึ้นเพื่อความสะดวกับการค้าขายกับชาติอาหรับและ ต่อต้านอาณาจักมัชฌปาหิต เมื่ออาณาจักมัชฌปาหิจเสือมอำนาจลง หมู่เกาะต่างๆ ก็ตั้งตัวเป็นอิสระ (www;gotoknow
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น