Thai_Tai

             "There are only four countries that escaped European colonialism, completely. Japan and Korea successfully staved off European domination, in part due to their strength and diplomacy, their isolationist policies, and perhaps their distance. Thailand was spared their distance.Thailand was spared when the British and French Empires decided to let it remained independent as a buffer between British-controlled Burma and French Indochina.Japan, However, colonized both Korea and Thailand itself during its early-20th-century  imperial period.
             "มีเพียง 4 ประเทศเท่านั้นที่ไม่ถูกยึดครองไม่ว่าในรูปแบบใดเลย ได้แก่ ญี่ปุน และเกาหลี(เหนือ-ใต้) นั้นรอดพ้นจากการถูกยึดครองโดยชาติยุโรปด้วยนโยบายโดเดียวตนเอง ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับความเข้มแข็งและนโยบายทางการทูต..บางที่อาจจะรวมไปถึงข้อได้เปรีบบทางภูมิศาสตร์
              ไทยแลนด์นั้นถูกยกเว้นเอาไว้ไม่ถูกยึดครอง เนื่องจากเป็นการตกลงร่วมกันระหว่าง 2 มหาอำนาจได้แก่อังกฤษและฝรั่งเศส อังกฤษนั้นยึดครองพม่าไว้ทั้งหมด ส่วนฝรั่งเศสยึดครองอินโดจีนไว้ทั้งหมด
              แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งไทยและเกาหลี ก็ล้วนแล้วแต่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่น ในสมัยที่ญี่ปุ่นปกครองโดยระบอบจักรพรรพิ์ช่วงศตวรรษที่ 20"
             "Entente cordiale 8 April 1904. The final declaration  concerned Siam (Thailand), Madaascar and the New Hebrides (vanuatu).In Siam, the British recognised a French sphere of influennce to the east of the River Menam's basin;in turn, the French recognised British influence over the territory to the west of the Menam basin. Both parties disclaimed any idea of annexing Siamese territory.
             อังกฤษยอมรับอิทธิพลของฝรั่งเศสในพื้ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และฝรั่งเศสก็ยอมรับอิทธิพลของกฤษที่ฝั่งตะวันตก(ฝั่งซ้าย) และทั้งคู่ตกลงจะไม่สนใจที่จะนำสยามเป็นเมืองขึ้น..(http//pantip.com "โลกนี้มีเพียง 5 ประเทศที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติยุโรปและไทยเป็น 1 ในนั้น)
         
              การสูญเสียแผ่นดินครั้งทั้ง 14 ครั้งของไทย

           
                  การเสียดินแดนในสมัยกรุงรัตนโกสินต์ ในครั้งแรกเสียดินแดน (ปีนัง)ให้กับอังกฤษในสมัยรัชกาลที่ 1 ครั้งที่ 2 มะริด ทวาย ตะนาวศรี ให้กับพม่า ในสมัยเดียวกัน 3 บันทายมาส (ฮาเตียน) ให้กับฝรั่งเศส สมัยรัชกาลที่ 2, 4) แสนหวี เมืองพง เชียงตุง ให้กับพม่า เป็นดินแดนที่ตีได้จาพม่ามนสมัยรัชกาลที่ 1, 5) รัฐเปรัค เสียให้กับอังกฤษ ในรัชสมัยเดียวกันในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี 6) สิบสองปันนา ในกับจีน เมืองเชียงรุ้งเป็นเมือง หลวงของไทยสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันเอง แสนหวีฟ้า มหาอุปราชหนีลงมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เกณฑ์ทัพเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน ไปตีเมืองเชียงตุง(เมืองหน้าด่านเชียงรุ้ง) แต่ไม่สำเร็จ และในสมัยรัชกาลที่ 4 ยกไปตีอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จจึงต้องเสียให้จีนไป ครั้งที่ 6 เสียเขมรและเกาะ 6 เกาะให้กับฝรั่งเศส ในสมัยรัชกาลที่ 4 ฝรั่งเศสบังคับให้เขมรทำสัญญารับความคุ้มครองจากฝรั่งเศส หลังจากนั้นได้ดำเนินการทางการทูตกับไทย ขอให้มีการปักปันเขตแดน เขมรกับญวน แต่กลับตกลงกนไม่ได้ ขณะนั้นพระปิ่นเหล้า แม่ทัพเรือสวรรคต ไทยจึงอ่อนแอฝรั่งเศสจึงฉวยโอกาสบังคัยทำสัญญารับรองความอารักขอจาก ฝรั่งเศสต่อเขมร ในช่วงนี้ อังกฤษกับฝรั่งเศสได้ทำสัญญกันเมื่อ 15 มกราคม 2438 โดยตกลงกันให้ไทยเป็นรัฐกันชน ประกอบกับ การดำเนินนโยบายของ รัชการลที่ 5 และการเสด็จประพาศยุโรปถึง 2 ครั้ง เยื่อนรัสเซียและเยอรมัน
                ครั้งที่ 8 สิบสองจุไทย (เมืองไล เมืองเชียงค้อ) ให้กับฝรั่งเศส ในรัชสมัยเดียวกัน ฮ่อก่อกบฎ ทางทางฝ่ายไทยจัดกำลังไปปราบ 2 กองทัพ แต่แม่ทัพทั้งสองไม่ถูกกัน ปฏิบัติเป็นอิสระแก่กัน ฝรั่งเศสส่งทหารเข้าเมืองไล อ้างว่า มาช่วยไทยทราบฮ่อ แต่หลังจากปราบได้แล้วไม่ยอมยกทัพกลับ อีกทั้งไทยก็ไม่ได้จักกำลังไว้ยึดครองอีกด้วย ในที่สุด ไทยกับฝรั่งเศสได้ทำสัญญากันที่เมืองแถง (เบียนฟู) ยอมให้ฝรั่งเศสรักษา เมืองไลและเมืองเชียงค้อ
                ครั้งที่ 9 เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทางด้านรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจและทรัพยากร อันอุดม ด้วยดินแดผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ยิ่ง คือการเสียดินแดนฝั่งซ้ายลุ่มน้ำสาละวิน ( 5 เมืองเงี้ยว และ 13 เมื่องกะเหรี่ยง) ให้แก่อังกฤษ
                ครั้งที่ 10 เสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่นำ้โขง (อาณาจักรล้านชาง หรือประเทศลาว)ให้กับฝรั่งเศสในสมัยเดียวกัน ซึ่งเป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร และฝรั่งเศสเรียเงินจาไทย 1 ล้านบาท เป็นค่าเสียหายที่ต้องรบกับไทย ค่าประกันว่าไทยต้องปฏิบัติตามสัญญาอีก 3 ล้านบาท และยึดเมืองจันทบุรีและตราด ไว้ถึง 15 ปี
              ครั้งที่ 11 ดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง (ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ดินแดนในทิศตะวันออกของน่านคือ จำปาสัก และไชยะบุลี) ให้กับฝรั่งเศส ในสมัยเดียวกัน  ไทยได้ทำสัญญากับฝรั่งเศส เพื่อขอให้ฝรั่งเศสคืน จันทบุรีให้ไทย แต่ฝรั่งเศสถอนไปจากจันทบุรีแล้วไปยึด เมืองตราดแทนอีก 5 ปี และเมือฝรั่งเศสได้หลวงพระบางแล้วยังล้ำย่านนาดี,ด่านซ้าย จ.เลย
              ครั้งที่ 12 มลฑลบูรพา (พระตระบอง, เสียมราฐ,ศรีโสภณ) ใหกับฝรั่งเศส ไทยทำสัญญาเพื่อแลกกับตราด, เกาะกง, ด่านซ้าย ตลอดจนอำนาจศาลไทยที่จะบังคับต่อคนในบังคับ ของฝรั่งเศส ในประเทศไทย เพราะขณะนั้นมีคนจีนญวนไปพังธงฝรังเศสกันมากเพื่อสิทธิการค้าขายฝรั่งเศสก็เพียงแต่ถอนทหาออกจากตราด กับด่านซ้าย คงเลหือแต่เกาะกงที่ไม่คืนให้ไทย
                 ครั้งที่ 13 เสียรัฐกลันตัน, ตรังกานู, ไทรบุรี,ปริส ให้กับอังกฤษ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ศาลไทยที่จะบังคับคดีความผิดของคนอังกฤษในไทย
                ครั้งที่ 14 เสียเขาพระวิหารให้กับเขมรเมื่อ 15 มิถุนายน 2505 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ตามคำพิพากษาของศาลโลกให้เขาพระวิหารตกเป็นของเขมร เนื่องมาจาก หลักฐานสำคัญของเขมร ในสมัยที่เป็นของฝรั่งเศส (www.rungnapa-astro.com/.., ประวัติศาสตร์ไทยการเสียดินแดนไทย 14 ครั้งเด็กรุ่นใหม่ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)