love love EU

            สังคมของยุโรปเป็นสังคมที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาการต่างๆ มาก เป็นสังคมเมืองมากกว่าชนบท มีัลักษณะเป็นครอบครัวเดียว มีความผูกพันกับเครื่อญาติไม่มากนัก ไม่แน่แฟ้นเหมือนสังคมไทย มีระเบียบวินัยเคร่งครัด รักประชธิปไตย รักความเป็นอิสระ รักเสรีถาพ ขยันขันแข็.ในการทำงานเน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด มีความเป็นตัวของตัวเอง
           ในทางวัฒนธรรม เป็นวัฒนธรรมของขาวคริสต์ แบบประชาธิปไตย เพราะปรชากรส่วยนใหญ่ นับถือศาสนาคริสต์ รักเอระเสรี รัการปกครองระบอประชาธิปไตย...
            วันนักบุญวาเลนไทน์ หรือที่เรียกกันว่า วันวาเลนไทน์ ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี วันวาเลนไทน์มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นประเทศทางตะวันตก แม้จะยังเป็นวันทำงานในทุกประทศเหล่านั้นก็ตาม
            "วันนักบุญวาเลนไทน์" แต่เดิมเป็นเพียงวันฉลบองนักบุญในศาสนาคริสต์ยุแรกที่ชื่อ วาเลนตินัส( แต่นักบุญชื่อนี้มีหลายองค์) ความหมายโรแมนติกโดยนัยสมัยใหม่นั้นกวีเพ่ิมเติมในอีกหลายศตวรรษต่อมาทั้งสิ้น วันวาเลินไทนถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเหลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 ก่อนจะถูกลบออกจาปฏิทินนักบุญทั่วไปของโรมัน ในปี ค.ศ. 1969 โดยสมเด็นพระสันตะปรปรปอลที 6
           
วันวาเลนไทน์มาข้องเกี่ยวข้องกับรักแบบโรแมนติกเป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมอขงเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ ช่วงกลางสมัยกลาง เมื่อประเพณีรักเทิดทุน เฟืองฟู (เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ เป็นนัก กวี นักปรชญา ข้าราชการและนักการทูตชาวอังกฤษ ได้รับการยอย่อว่าเป็นบิดาแห่งกวีนิพนธ์อังกฤษ แม้เขาจะเขียนงานไว้มากมาย แต่งานเขียนที่เป็นที่รุ้จักมากที่สุดคืิองานเขียนที่ยังไม่เสร็จ เรื่อง "ตำนานแคนเดอร์บรี"..)
            ตำนานวันวาเลนไทน์..
            ในคริสต์สตวรรษที่ 5 หรือ 6 งานเขียนชื่อPassio Marii et Marthae ได้แต่งเรื่องราวการพลีชีพเพื่อศาสนาแก่นักบุญวาเลนไทน์แห่งโรม ซึ่งปรากฎว่าไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ใดๆ เลย ผลงานนี้ อว้างว่า นักบุญวาเลนไทน์ถูกเบียดเบียนเพราะนับถือศาสนคริสต์ และถูกสอบลสวนใโดย จักรพรรดิคอลเดียส กอธิดัสเป็นการส่วนตัว วาเลนไทน์จักพรรคดคอลเดียสประทับใจและได้สนทนากับเขา โดยพยายามให้เขาเปลี่ยนไปนับถือลัทธิเพเกินโรมันเพื่อรักษาชีวิตของเขา วาเลนไทน์ ปฏิเสธและพยายาม โน้มน้าวให้จักรพรรคดิคลอเดียสหันมานับถอศาสนคริสต์แทน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถุกประการชีวิต ก่อนที่เขาจะถูกประการชีวตินั้นมีายงานว่าเขาได้แสดงปาฏิหารย์โดยรักษาบูกสาวตาบอดของผุ้คุมของเขา ...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C

             หรืออีกตำนานหนึ่ง "วาเลนไทน์" มาจากชื่อของนักบุญ เซนต์ วาเลนไทน ในสมัยกษัตรยิ์คลอติอุสที่ 2 แห่งกรุงโรม เซนต์ วาเลนไทน เป็นบาทหลวง อยุ่ที่โบสถ์ใกล้ๆ กรุงโรม สมัยนั้นกาัตรยิืคลอติอุส ที่ 2 ออกกฎห้ามีการแต่างงาน ในเมืองของพระองค์เ พราะทรงต้องการให้ผุ้ชายทุกคน ไปเป็นทหาร เพื่อทำศึกสงครา สร้างกรุงโรมให้เป็นอาณาจักรที่รุ่งเรื่องหาผู้ชายที่มีครอบครัว ไปเป็นทหาร จะมีห่วง และมีอารมณือ่อ่นไหว เกินกว่าจะเป็นทหารที่ด ถ้ากากไม่มีการแต่างงานผุ้ชายจะสใจการรบอมากขึ้น
             บาทหลวงวาเลนไทน์ รู้สึกเห็นอกเห็นใจหนุ่มสาว ที่มีความรัก จึงแอบจัดพิธีแต่งงาน ให้หนุ่มสาวที่ต้องการแต่างงาน หลายคู่ อย่างลับๆ โดยภายในงาน จะมีเพียงเจ้าบ่าว เจ้าสาว และบาทหลวง พวกขาจะกระซิบคำสาบาน และคำอธิษฐานต่อกัน ขณะเดียวกัน ก็ต้องเวี่ยหูฟัง การเดินตรวจตราของเหล่าทหารด้วย
         
เรื่องรู้ถึงหูคอลติอุส ในที่สุดนักบุญวาเลนไทน์ ถูกจับเข้าคุก และุถูกทรมานอย่างสาหัส ระหว่างที่อยู่ในคุก มีคู่แต่งงาน ที่บาทหลวงวาเลนไน์ เคยทำพิธีให้หลายคู่ ลอบไปเยียมเยียน อย่างสม่ำเสมอ พวกเขาได้โดยดอกไม้ และกระดาษเขียนจ้องความต่างๆ เข้าไปทางขช่องหน้าต่างของคุก เพื่อให้นักบุญวาเลนไทน์รู้ว่า พวกเขามีความเชื่อ และศรัทธาใรความรักเช่นกัน
            ขณะที่ถูกขังอยุ่ในคุก รอการประหาร บาทหลวงวาเลนไทน์ ได้รู้จักับผุ้คุมชือแอสทีเรียส ซึ่งมีลูกสาวตาบอด และขอให้เขาช่วยรักาา เหมือนปาฎิหารย์ เธอสามารถมองเห็นได้อีก ลูกสาวของผุคุมจึบงมักมาเยี่ยมและให้กำลังใจบาทหลวงอยู่เสมอ กระทั่งก่อนเสียชีวิต เขาได้เขียนจดหมายถึงเธอ และลงท้ายว่า From your Valentine นักบุญวาเลนไทน์ เสียชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.270 ในคุกแห่งนั้นเอง..http://www.piwdee.net/sem7_1.htm

           ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
           มรณะสักขีในศาสนาคริสต์ยุแรกหลายคนมีชื่อว่า วาเลนไทน์ ซึ่งสาเลนไทน์ที่มีการฉลองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คือ วาเลนไทน์แห่งโรม และ วาเลนไทน์แห่งเทอร์นี วาเลนไทน์แห่งโรมเป็นนักบวชในโรมผุ้พลีชีพเพื่อสาสนาราว ค.ศ. 269 และฝังที่เวียฟลามีเนีย กละโหลกที่สวมมาลัยดอกไม้ของนักบุญวาเลนไทน์จัดแสดงในมหาวิหารซานตามารเรียในคอสเมดิน โรม เรลิกอื่นพบได้ในมหาวิหาร ซานตาพราสเซเต ในโรมเช่นกัน เช่นเดียวกับที่โลสถ์คาร์เมไลท์ถนนไวท์ไฟร์อาร์ ในดับลิน ไอร์แลนด์
          วาเลนไทน์แห่งเทอร์นีกล่ายมาเป็นบิชอปแห่งอนตรัสมา ราว ค.ศ. 197 และกล่าวกันว่าเขาได้พลีชีพในช่วงการเบียดเบียนคริสศาสนิกชน ในรัชสมัยจักรพรรดิออเรเลียน ศพเขาฝังที่เวียฟลามีเดียเช่นกัน แต่คนละตำแหน่งกับที่ฝั่งวาเลนไทน์แห่งโรม เรลิกของเขาอยุ่ที่มหาวิหารนักบุญวาเลนไทน์แห่งเทอร์นี...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C
            มุสลิมกับวาเลนไทน์
            เรื่องราวเกี่ยวกับวาเลนไทน์นั้น ก็เป็นเรื่องที่คลุมเครือ จะสืบหาประวัติอะไรที่แน่นอน ก็ไม่ได้ ได้แต่สันิษฐานกันไป ไม่มีต้นกำเนินของเรื่อง และความเป็นมา ที่ชัดเจน ซึ่งพอสรุปได้ว่า
           
- วันวาเลนไทน์ เดิมเป็นการฉลองความเจริญพันธุ์ของพวกโรมันโบราณ ซึ่งเป็นการระลึกถึงเทพเจ้าลูเปอร์คุศ (เทพแห่งการเจริญพันธ์) ต่อมาภายหลัง จึงได้รับเอาเข้าม เป็นของคริสต์ศาสนา โดยโยงเข้ากับเรื่องการพลีชีพ เพื่อศษสนาของนักบุญทที่ชื่อวาเลนไทน์ ซึ่งมีวันฉลองใกล้กัน(ของเดิม 15 กุมภาพันธ์ ส่วนของนักบุญวันที่ 14 กัมภาพันธ์)
           - ว่ากันว่า เซนต์วาเลนไทน์ เป็นผุ้พลีชีพ เพื่อศาสนาคริสต์ ซึ่งถูกประหารชีวิตในกรุงโรมเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณ ค.ศ. 269 หรือ 270 มี 2 ท่าน ชื่อซ้ำกัน แต่ประวัติของทั้งสองท่าน เป้นเรื่องเล่ากันมา แบบปรัมปรา ซึ่งแท้จริงแล้ว อาจเป็นเรื่องที่เล่าต่างกัน แต่ตัวบุคคลเป็นคนเดียวกัน
          - การฉลองวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้นในสมัยกลาของยุโรป แต่การที่ถือว่า เซนต์วาเลนไทน์ เป็นนักบุญผู้อุดหนุนคู่รัก เป็นเรื่องที่กลายมาในช่วงหลัง โดขถือว่ เป็นผุ้ช่วยเหลือคนที่มีความรัก ที่ตำอยุ่ในความททุกข์ ถูกข่มบังคับ
          - การที่วันที่ระลึกเซนต์วาเลนไทน์ กลายมาเป็นวัแห่งความรักนั้น เป็นเรื่องบังเอิญ ซึ่งที่จริงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเซนต์วาเลนไทนเลย แต่เรื่องมาโยงกัน และกลายไป คงจะเนื่องจากชาวยุโรป สมัยกลางมีความเชื่อว่า  นกเริ่มฤดุผสมพันธุ์ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ การเขียนข้อความแสดงความรัก ส่งถึงกันในวันนี้ ก็ว่าเร่ิมมาแต่ปลายสมัยกลาง โดยถือว่า เป็นวันเริ่มฤดูผสมพันธุ์ องนกนั่นเอง ส่วนในสหรัฐอเมิรกา เริ่มเฉลิมฉลองด้วยการจัดทำการ์ดวาเลนไทน์ เป็นธุรกิจ ในช่วง ค.ศ. 1840-1849
         - วาเลนไทน์ คือวันที่ชาวคริสต์ ใช้เป็นสัญลักษณ์ แทรความระลึกถึง "เซนต์วาเลนไทน์" บุรุษผุ้มีความรัก ความปรารถนาดี ต่อเพื่อมนุษย์ จนทำให้เขาต้องจบชีวติตัวเอง และหนุ่มผุ้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักนี้ ถุกประหารชีวิต เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270..ตามตำนานข้างต้น
         - วันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก เร่ิมต้นขึ้นมาจากวันฉลอง เพื่อระลึกถึงคริสเตียน 2 คน ที่เสียสละเพื่อมนุษย์ ชือ วาเลนไทน์ แต่ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวันนี ก้ไม่มีส่ิงไหน ที่เีก่ยวพันถึงชีวิต ของนักบุญเหล่านี้ ประเพณีนี้ บางทีจะมาจากประเพณีโรมันโบราณ ที่เรียกว่า ลูเปอร์คาเลีย ชาวโรมันฉลองวันลูเปอร์คาเลียเป็นประเพณี แห่งความรักของหนุม่สาว ชายและญิ่งสว จะเลื่อกคู่สำหรับประเพณีนี้ ดดยากรเขียนช่อตนใส่กล่อง และจับฉลอก เพื่อเป็นเครืองหมาย แสดงความรัก และปกติเขาจะยังคงติต่อสัมพันธ์กัน เป็นเวลานาน หลังจากประเพณีนี้ ผ่านไปแล้ว หลายคู่ก็จะลงเอย ด้วยการแต่งงาน
          หลังจากคริสเตียนแพร่ออกไป ชาวคริสเตียน ก็พยายามที่จะให้ความมหายของประเพณีนี้ในแง่ของคริสเตียน และพวกเขาเปลียนมาใช้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่ความหมาย ตามความรุ้สึก แบบประเพณีเก่า ก็ยังคงมีมาถึงปัจจุบัน..http://www.piwdee.net/sem7_103.html

           

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)