Melayu Language

           
 ภาษามลายู เป็นภาษาหลฃักภาษาหนึ่งในตระกุลภาษาออสโตรนีเซียน มีสถานะเป็นภาษาราชการในบรูไน, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และอินโดนีเซยน มีผุ้พุดประมาณ สองถึงสองร้อยห้าสิบล้านคน (ปี พ.ศ. 2552) โดยเป้นภาษาแม่ของผุ้คนตลอดสองฟากช่องแคบมะละกา ซึ่งได้แก่ ชายฝั่งค่บสมุทรมลายูของมาเลเซียและชายฝั่งตะวันออกของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซย และได้รับการยอมรับเป็นภาษาแม่ในชายฝั่งตะวันตกของซาราวะก์ ละกาลีมันตันตะวันตกในเกาะบอร์เนียว นอกจากนี้ยังใช้เป็นภาษาการต้าในภาคใต้ของ ฟิลิปปินส์ ซึ่งได้แก่ ต่อนใต้ของคาบสมุทรซัมบวงกา, กฃลุ่มเกาะซูลู และเมืองบาตาราซาและบาลาบัก (ซึงมีชาวมุสลิมอาศัยอยุ่เป็น่วนใหญ่) ทางทิศตะวันตกเฉียงใใต้ของเกาะปาลาวัน
           ในฐานที่เป็นภาษาประจำชาติ หรือ ของรัฐเอกราชหบายรัฐ ภาษามลายู มาตรฐานที่ชื่อทางการแตกต่างกันไป ในบรูไนและสิงคโปร์เรียกว่า "ภาษามลายู" ในมาเลเซียเรียกว่า "ภาษามาเลเซีย" และอินโดนีเซียเรียกว่า "ภาษาอินโดนีเซีย" อย่างไรก็ตาม ในหลายพื้นที่ทางตอนกลางและตอนใต้ขอ
เกาะสุมาตราที่ซึ่งภาษามลายูเป็นภาษาพื้นเมือง ชาวอินโดนีเซียจะเรียกภาษานี้ว่า "ภาษามลายู"และมองว่าเป็นภาษาหนึ่งในบรรดาภาษาประจำภูมิภาคของตน

           ภาษามลายูมาตรฐาน (หรือที่เรียกว่าภาษามลายูราชสำนัก) เคยเป็นวิธภาษามาตรฐานในวรรกรรมของรัฐสุลต่านมะละกาและยะโฮร์สมัยก่อนอาณานิคม ดังนั้น บางครั้งจึงเรียกว่าภาษานี้ว่าภาษามลายูมะละกา, ภาษามลายูยะโฮร์ หรือาษามลายูเรียว (หรือชื่ออื่นๆ ที่ใช้ชื่อเหล่านี้ประกอบกัน) ะพื่อแยกให้แตกต่างกับภาษาอื่นๆ อีกหลายภาษาในกลุ่มภาษามลายู จากข้อมูลของเอ็ทนอล็อก วิธภาษามลายูต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีรายชื่อเป็ฯภาษาแยกต่างหาก(รวมถคงวิทธภาษาโอรังอัซลีในมาเลเซยตะวันตก) มีความสัมพันะ์ใกล้เคียงกับภาษามลายูมาตรฐานมากจนอาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นภาษาถิ่นของภาษาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีภาษามลายูการต้าและภาษาครีโอล จากภาษามลายูอีกจำนวนมากซึ่งมีพืนฐานจากภาษากลางที่พัฒนามาจากภาษามลายูตามแบบแผนดั้งเดิมเช่นเดียวกับภาษามลายูมากัสซาร์ ซึงปรากฎวว่าเป็นภาษาผสมth.wikipedia.org/wiki/ภาษามลายู
            ...ภาษาอินโดนีเซียกับภาษามาเลเซียก็เหมือกับภาษาฮินดีที่พูดกันในอินเดีย และภาษาอูร์ดุที่พูดกันในปากีสถาน ที่แต่ก่อนงอ่นชะไรย้อนหลังกลับไปในอดีต คือ ภาษาเดียวกัน ศัพท์จำนวนมากมาจากภาษาสันสกฤต กระทั่งราชวงศ์โมกุลเข้ามาปกครองอินเดีย ก็นำศัพท์ต่างๆ ทางภาษาเปอร์เซียเข้มาใช้ ต่อมาสัดส่วนของศัพท์ภาษาเปอร์เซียเร่ิมมีมากกว่าภาษาสันสกฤต ภาษาฮินดีที่มีภาษาเปอร์เซียปนอยู่เป็นจำนวนมากก็กลายเป็ฯภาษาอุร์ดู ในตอนแรกๆ คนที่ใช้ภาษาฮินดีกับภาษาอูร์ดูยังพูดจาปราศรยกันรู้เรื่อง แต่เมื่อวันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปมีศัพท์แสงทางเปอร์เซียเข้ามาเพิ่มขึ้น คนที่ใช้ภาษาฮินดีกับอูร์ดู ก็เิร่มพุดกันไม่รู้เรื่องแล้ว

              ภาษาฮินดีใช้ตัวอักษรเทวนาครี ส่วนภาษาฮินดีที่มีภาษาเปอร์เซียปนอยุ่มากจนกระทั่งกลายเป็นภาษาอูร์ดู นำตัวอักษรอาหรับแบบเปอร์เซียมาใช้ในการเขียนภาษาทั้งสองก็ย่ิงห่างต่างกันไปเรื่อยๆ จนตอมากลายเป็น ภาษาคนละอย่าง พูดเขียนกันไม่รู้เรื่อง...
             กลับมาที่ภาษามาเลเซียและภาษาอินโดนีเซีย..
             แต่ก่อนง่อนชะไร ภาษาทั้งสองก็คื อภาษามลายูเดียวกัน แตกต่างกันอยู่บ้างตรงที่ภาษามลายูที่ใช้กันในอินโดนีเซียได้รับอิทธิพล จากภาษาสันสกฤต เพราะสมัยก่อนแถวเกาะชวาเป็นศูนนย์กลาางของศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธที่มีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย ในขณะที่ภาษามลายูในมาเลเซียได้รับอิทธิพจากอิสลาม ตามรัฐสุลต่านอิสลามแห่งมะละกา จนภาษาอาหรับซึ่งเป็นภาษาแห่งศาสนาอิสลามถูกนำมาใช้เป็นภาษาแห่งวิทยาการแทนที่ภาษาสันสกฤตในแถวมาเลเซีย
             ที่เปนเช่นนี้เพราะ อีสลามมิซาซี หรือ "กระบวนการทำให้เป็นอิสลามมากขึ้น" เกิดขึ้นเข้มข้นในมาเลเซีย ผู้คนมาเลเซียนิยมใช้ศัพท์แสงในภาษาอาหรับแทนที่ภาษาสันสกฤต แต่กระบวนการทำให้เป็นอิสลามมากขึ้น ไม่ได้เกิดเข้มข้นในอินโดนีเซียผุ้คนจึงใช้ภาษามลายูที่ยังคงใช้ศัพท์แสงเดิมๆ ที่มารจากภาษาสันสกฤต
             แม้กระนั้นก็ตาม ความแตกต่างของภาษามลายูที่ใช้ในสองประเทศในสมัยก่อนตอนโน้นก็ยังไม่มีความแตกต่างกันมาก จนกระทั่ง อังกฤษและฮาลแลนด์เข้ามเป็นเจ้าอาณานิคมแบ่งกันปกครอง อังกฤษได้มาเป็ยนเจ้าเข้าครองมาเลเซีย ส่วนพวกดัตช์แห่งฮอลแลนด์ เป็นเจ้าเข้าปกครองอินโดนีเซีย ตั้งแต่นั้น ภาษาทั้งสองที่เริ่มเติบโตกันออกไปคนละแบบ ศัพทืแสงต่างๆ ทารงภาษาอังกฤษถูกนำไปใช้ในภาษมลายูที่พูดกันในมาเลเซียส่วนศัพท์ภาษดัตช์ก็ถุกเข้าำปใช้ในภาษามลายูในอินโดนีเซีย ทำให้ภาษมลายุในมาเลเซียและในอินโดนีเซียต่างกันมากขึ่้น
             ในมาเลเซีย ผุ้คนยังใช้ ปีจาแบท ที่หมายถึงสำนักงาน แต่คนอินดดนีเซียเอาศัพท์ภาษาดัตช์เข้ามาใช้เป็น แคนเทอ เมื่อคนมาเลเซียจะพุดถึงห้อ้ง ก็ใช้คำว่า บิลิก แต่คนอินดดนีเวีเยใช้ถาษาอิงไปทางภาษาดัตช์ว่า คามาร์ คนมาเดลเซียหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ชูขึ้นพรัอมทั้งพุดว่า อัคบาร์ ทว่าคนอินโดนีเซเียกลับใช้ภาษาดัตช์ที่หมายถึงหนังสือพิมพ์ว่า โคแรน
            สัพท์นภาษาดัตชืเข้ามปะปนอยู่ในภาษามลายุที่ใช้ในอินโดนีเวียมากวธจนคนมาเลเซียฟังมไม่รู้เรื่อง คนอินโดนเีวเยเองก็ชินกับภาษามลายู ที่มีศัพท์ภาษาดัตช์เข้ามาปะปนซะจนฟังภาษามลายูที่ใช้กันในมาเลเซียไม่รู้เรื่อง
             ปี พ.ศ. 2480 อินโดนีเซียได้รับเอกราช ก็ใช้ตัวอักษรดรมันในการเขียนภาษามลายูแบบินโดนีเซีย ในตอนนั้น ภาษามลายูที่ใช้กันในประเทสมาลาย (มาเลเซีย) ยังใช้ตัวอักษรภาษาอาหรับ จนกระทั้งต่อมา มาเลเซียได้รับเอกราช จึงนำ ตัวอักษรดรมันมาใช้เขียนแทนภาษาอาหรับ แต่การสะกดตัวอักษรโรมันของภาษามาเลเซยต่างจากภาษาอินโดนีเซียมาก ...www.thairath.co.th/content/227488
             ภาษามลายูบรูไน เป็นภาษาประจำชาติของประเทบรูไนและเป็นภาษากลางในพื้นที่บางส่วนของมาเลเซียตะวันออก ภาษานี้ไมใช่ภาาราชการของยรูไน (ซึ่งใช้ภาษามลายูมาตรฐานเป็นภาษาราชการ) แต่มีบทบาทสำคัญในสังคมและกำลังแทนที่ภาษาของชนกลุ่มน้อยภาษาอื่นๆ ภาษามลายูบรูไนมีผุ้พุดประมาน สองแสนหกคน พบในบรูไนประมาณ สองแสนหนึ่งหมื่นคน ในบริเวณเมืองหลวงและตามแนวชายฝัง พบในประเทศมาเลเซยประมาณ ห้าหมื่นหนึ่งพันคน ในบริวเณชยฝั่งทางตอนเหนือเบอไลต์บน และบริเวณแม่น้ำตูเดาของรัฐซาราวะก์และในรัฐซาบะฮ์
             ภาษามลายูบรูไนจัดอย่ในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน กลุ่มภาษามลายโย-โปลินีเซีย สาขามาลาโย-ซุมบาวาสาขาข่อยมลายูอิก เช่นเดียวกับภาษามเลเซียและภาษาอินโดนีเซียแต่เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากภาษเกอดายันซึ่งเป็นภษาของขนพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งในบรูไน จึงมีคำสัพท์หลายคำที่แตกต่างไปจากภาษามลายูมาตรฐาน..th.wikipedia.org/wiki/ภาษามลายูบรูไน
              ภาษามลายูเป็นภาษาที่สำคัยและใช้กันอย่างกว้างขวางในอาเวียนรองจากาษาอังกฤษ และเป็นภาษาราชการของ 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไนและสิงคโปร์  ภาษามลายูหรือมลายูกลางเป็นอีกหนึ่งในภาษาประจำชาติของสิงคโปร์
             
... เนื่องจากสิงคโปร์เป็นพหุสังคม ดังนั้น การสร้างความเป็นอันเหนึ่งอันเดียวกันระหว่างกลุ่มชาติต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความอยุ่รอดของประเทศ แต่เิดิมรัฐบาลมีนโยบายรักษาความเป็นกลางทางด้านเชื้อชาติ หลักเลี่ยงการเอ่ยถึงประเด็นความแตกต่างทางด้านศาสนา ภาษา เชื้อชาติ แต่ในทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมา รัฐบาลมีนโยบลายสร้างความสามดุลระหว่างกลุ่มเชื้อชาติต่างๆ โดยสนับสนุนให้แต่ละกลุ่มมีสมาคมหรือกลุ่มผลประโยชน์ของตนเอง โดยรัฐบาลใช้กลุ่มเหล่านี้เป็นเวทีให้รัฐบาลดำเนินนโยบายของรัฐให้ประสบความเร็จ..
                 เมื่อแยกตัวออกมาเป็น "สาธารณรัฐสิงคโปร์" รัฐมีนโยบายให้แต่ละชาติพันธุ์รักาาไว้ซี่งวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง แต่ว่าจะต้องมีส่วนร่วมกันในการมีเอกลักษรืของความเป็นชาติ หลังการแยกตัวเป็นอิสระ มรกดอย่างหนึ่งที่ติดตัวมาจนถึงปัจจุบันคือ การใช้ภาษามลายูเป็นภาษาประจำชาติ แต่ชาวมลายุได้กลายเป้นชนกลุ่มน้อยของสิงคโปร์ไป โดยชนกลุ่มใหญ่คือคนเชื่อสายจีน และการที่แต่ละกลุ่มเชื้อชาติมีความหลากหลายทางภาษาพุดก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำใหภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทมากข้นเรื่อยๆ  นอกจากภาษาอังกฤษแล้วรัฐบาบยังมีนดยบายให้ครอบครัวจีนหันมาใช้ภาษาจีนกลางมากขึ้นแทนที่จะใช้ภาษาถิ่นจีนที่มีมากมาย แต่ด้วยนโยบายเชนนี้ในระยะต่อมาได้ส่งผลทำหใ้มีลักระของการไปทำลายวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์โดยเฉพาะในด้านภาษา ดังนั้นรัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายให้ภาษาประจำชาติพันธุ์เป็นภาษาที่สอง เหตุผลคือการเียนภาษาอังกฤษมากเกินไปทำให้คนสิงคโปร์ไม่รู้สึกถงความเป็นชาติพันธุ์ของตนเอง..http://www.sac.or.th/databases/southeastasia/subject.php?c_id=8&sj_id=69
           

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)