Drittes Reich หรือไรท์ที่สาม
อาณาจักรไรซ์ที่ 1 ในความหมายของนาซีคือ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ คือหลังจากจักรวรรดิโรมันตะวันตก(โรม) ล่มสลาย โรมันที่เหลือยุ่้ายไปโรมันตะวันออก(คอนสแตนติโนเปิล) พวกแพรงค์ที่เป็นอนารยชนก็ตั้งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้น แถบ เยอรมัน ไม่เป็นรัญชาติอย่างชัดเจนแต่เป็นรัฐหลวมๆ ที่ประกอบด้วยประเทศ เยอมรมัน ออสเตรีย เอลเยียม เป็นต้น ในยุคแรกๆ ใช้ศาสนาคริสต์เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว
อาณาจักรไรท์ที่ 2 คือ เยอมัน เอมไพร์ หลังจากไรซ์ที่ 1 ล่มสลายไป เพราะรัฐขาติย่อยๆ แต่ละรัฐแข็งแกร่งขึ้น ก็มีความพยายามจะรวมชนเผ่าเยอรมันเข้าด้วยกันโดยนายพลอิสมาร์ค ซึ่งเป็นผุ้นำแคว้นปรัสเซีย รุ่งเรื่องสุดขีดและจบลงด้วยการแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1
อาณาจักรไรซ์ที่สาม (นาซี) เป็นคำอ้างของนาซีเยอรมัน หลังจากถูกกดขี่จากผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฮิตเลอร์รวมเยอมันขึ้นมาใหม่
นาซีเยอมนี หรือ หรือไรซ์ที่ 3 หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ "ไรซ์เยอมัน" เป็นชื่อเรียกยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เยอมนีระหว่างปี 1933-1945 เมื่อปะรเทศเยอมนีอยู่ภายใต้การควบคุมระบอบเผด็จการของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และพรรคนาซี ในการปกครองของฮิตเลอร์ ประเทศเยอมนรีกลายเป็นรัฐฟาสซิสต์ซึ่งควบคุมแทยทุกแง่มุมของชีวิต นาซีเยอมีนล่มสลาหลังฝ่ายสัมพันธมิตรพิชิตเยอรมนีในเดือนพฤษภาคม 1945 ซึ่งยุติสงครามโลครั้งที่สองในทวีปยุโรป
ประธานาธิบดีแห่งสาธารรรัฐไวมาร์ เพาะล์ ฟอน ฮินเดนบูร์ก แต่างตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม 1933 จากนั้น พรรคนาซีเร่ิมกำจัดคู่แข่งทางการเืองและรวบอไนาจ ฮินเดนบูร์กถึงแก่อสัญกรรรมเมือวันที 2 สิงหาคม 1934 และฮิตเลอร์เป็นผุ้เผด็จการแห่งเอยมนีโดยการรวมอำนาจและตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดี มีการจัดการลงประชามติทั่วประเทศเมือวัที่ 19 สิงหาคม 1934 ทำให้ฮิตเลอร์เป็นผู้นำ เยอรมนีแต่เพียงผุ้เดียว อำนาจเบ็ดเสร็จท้งหมดรวมอยุ่ในมือของฮิตเลอร์ และคำของเขาอยู่เหนือกฎหมายทั้งปวง รัฐบาลมิได้เป็นหน่วยที่ร่มมือประสานกัน หากแต่เป็นหมู่กลุ่มแยกต่างๆ ที่แก่งแย่งอำนาจและความนิยมจากฮิตเลอร์ ท่ามกลางภาวะเศราฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ นาซีฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและยุติการวางงานขนานใหญ่โดยใช้รายจ่ายทางทหารอย่าางหนักและเศรษฐกิจแบบผสม มีการดำเนินการโยธาสาธารณะอย่างกว้างขวาง รวมการก่อสร้างออตโทบาน การคืนเสถียรภาพทางเศราฐกิจส่งเสริมความนิยมของรัฐบาลให้เพ่ิมพูนขึ้น
คตินิยมเชื้อชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อต้านยิว เป็นลักษณะหัวใจของนาซีเยอรมนี ดยถือว่ากลุ่มชนเอร์มานิค หรือเชื้อชาตินอร์ดิก เป็นเขื้อชาติอารยันซึ่งบริสุทธิ์ที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นเชื้อชาติปกครอง ชาวยิวและชนกลุ่มอื่นที่ถือว่าไม่พึงปรารถนาถูกเบียดเบียนหรือฆ่า และการค้านการปกครองของฮิตเลอร์ถูกปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม สมาชิกฝ่ายค้านเสรีนิยม สังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ถูกฆ่า จำคุกหรือเนรเทศ โบสถ์คริสต์ก็ถุกกดขี่เช่นกัน โดยผุ้นำหลายคนถูกจำคุก การศึกษามุ่งเน้นชีววิทยาเชื้อชาติ นโยบายประชากร แบะ สรรถภาพทางกายสำหรับราชการทหาร โอากสในอาชีพและการศึกษาของสตรีถูกตัดทอน มีการจัดนันทนาการและการท่องเที่ยวผ่านโครงการความเข็งแรงผ่านความรื่นเริง มีการใช้โอลิมปิกฤดูร้อน 1936 เป็นตัวนำเสนอไรซ์ที่สามในเวทีระหว่างประเทศ รัฐมนตรีโฆษณาการ โยเซฟ เกิบเบิลส์ควบคุมการแสดงออกทางศิลปะ โดยสนับสนุนศิลปะบางรูปแบบ แต่ขัดขวางหรือห้ามศิลปะรูปแบบอื่น
เริ่มตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 นาซีเยอมนีเรียกร้องดินแดนอยางก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ และขู่ทสงครามหากไม่สนองข้อเรียกร้อง เยอรมนียึดออสเตรีย และเชโกสดลวาเกียในปี 1938 และ 1939 ฮิตเลอร์ทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกับ โจเซฟ สตาลิน และบุกครองโปแลนด์ ในเดือนกันยายน 1939 เป็นการเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป เยอมนีเข้าเป็นพันธมิตรกับอิตาลีและฝ่ายอักษะ ที่เล็กกว่าและพิชิตทวีปยุโรปสวนใหญ่เมื่อถึงปี 1940 และคุกคามสหราชอาณาจักร ไรซ์คอมมสซารีอัทควบคุมพื้นที่ที่ถูกพิชิตอย่างโหดร้ายและมีการสถาปนาการปกครองของเยอรมนีในประเทศโปแลนด์ที่เหลือยุ่ ชาวยิวและกลุ่มอื่นที่ถือว่าไม่พึงปรารถนาถุกจำคุกในค่ายกักกันและค่ายกำจัดนาซี การนำนโยบายเชื้อชาติของระบอบไปฏิบัติลงเอยด้วยการสังหารชาวยิวและชนกลุ่มน้อยอื่นเป็นอันมากในฮอโลคอสต์
ดินแดนยึดครองของเยอรมันและฝ่ายอักษะ (ในสีน้ำเงิน) ราว 1942 |
หลักการรุกรานสหภาพโซเวียต ในปี 1941 นาซีเยอรมนีก็เริ่มเป็นรอง และปราชัยทางทหารสำคัญหลายครั้ง ในปี 1943 การทิ้งระเบิดทางอากาศต่อประเทศเยอรมนีทวีขึ้นในปี 1944 และฝ่ายอักษะถอยจากยุโรปตะวันออกและยุโรปใต้ หลังการบุกครองฝรั่งเศสของสัมพันธมิตร ประเทศเยอมนีถูกโซเวียตจากทิศตะวันออกและฝายสัมพันธมิตรจากทิศตะวันตกพิชิตและยอมจำนนในหนึ่งปี...
สหภาพยยุโรป เป็นศัพท์ที่ปรากฎอย่างเป็นทางการในที่ประชุมสุดยอดของบรรดาผุ้นำประเทศสมาชิกประชาคม ยุโรป ณ กรุงปารีส ในปี ค.ศ. 1972 โดยที่ประชุมในครั้งนั้นได้ตั้งจุดมุ่งหมายเาอไว้ว่า จุดหมายหลักคือการพัฒนาด้วยความเคารพและยึดมั่นในสนธิสัญญาที่ประเทศสมาชิก ได้ลงนามไว้ ในอันที่จะกระทำความสัมพันะือันซับซ้อนทั้งมวลระหว่างประเทศให้กลายเป้นสหภาพยุโรป ต่อมาได้มีการะบุแนวความคิดดังกล่าวไว้ในบทอารัมภกถาของสัญญาจัดตั้งตลาด เดียวแก่งยุดรป แต่ไม่ปรากฎในสันธิสัญญาจัดตั้งสหภาพยุโรป โดยมาตรา A ของสนธิสัญญาดังกล่าวได้ระบุข้อความที่เกี่ยวกับสหภาพไว้แทนที่ว่า สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาลักษณ์ของก้าวใหม่ในกระบวนการสร้างสรรค์สหภาพที่มีความสัมพันะ์ใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ของประชาชาติยุโรป โดยการตัดสินใจใดๆ ของสหภาพจะกระทำใกล้ชิดกับเมืองของยุโรปให้มากทีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในกระบวนการดังกล่าวนี้ สหภาพความจะจัดระบบความสัมพันะ์ระหว่างประชาชาติยุโรปให้แสดงถึงความีเอกภาพ และความเป็นปึกแผ่น
อย่างไรก็ดี ตความพยายามในการกำหนดรูปแบบของสหภาพยุโรปอย่างชัดเจนท้งจากแวดวงการเมืองและจากนักวิชาการประสบความสำเร็จอยู่ในวงจำกัด การตรวจสอบความหมายของคำว่า สหภาพ หรือจุดมุ่งหมายกันตามแบบของนักวิชาการยังไม่รับการยอมรับอย่างเป้นเอกฉันท์ ในทางการมือง ดังจะเห็นได้จาก คำประกาศแห่งสตถตการ์ท ค.ศ. 1986 ซึ่งมีการระบุไว้เพียงจุดมุ่งหมายท่วไปในการบรรลุถึงการเป็นสหภาพยุโรป อาทิ เช่น หลักการประชาธิปไตยและการเคารพในกฎหมายสิทธิมนุษยชน เป็นต้น มีข้อสังเกตว่า ในเอกสารทั้ง 2 ฉบับได้ว่างแนวทาง 2 ในการพัฒนาสหภาพยุโรปไว้ กล่าวคือประเทศสมชิกจะดำเนินการเพื่อให้บรรลุถึงการเป็ฯสหภาพยุโรปโดยอาศัยหลัก 2 ประการคือ 1. หลักของประชาคมยุโรปที่ทำงานไปตามระเบียบของตนเอง และ 2.หลักความร่วมมือระหว่างชาติสมาชิก....
- https://sites.google.com/site/tanashit3011/shphaph-yurop-european-union-eu
- https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87
- https://pantip.com/topic/36046486
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น