Austronesian languages : Sunda (Basa Sunda)

            ซุนดาหมายถึง บริเวณภาคใต้ของประเทศไทย ลงไปถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา เกาะชวา เกาะบาหลี เกาะซูลาเวซี เกาะลอมบอก เกาะซุมบาวา เกาะฟลอเรส เกาะซุมบา เกาะติมอร์
             ชาวซุนดา คือกลุ่มชาติพันธ์ุหนึ่งในประเทศอินโดนีเซียอาศัยอู่ในพื้นที่ทางตะวันตกของเกาะชวา มีจำนวนประมาณ 31 ล้านคนชาวซุนดาใช้ภาษาหลักคือภาษาซุนดาและนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ เดิมนั้นชาวซุนดามักจะอาศัยอยู่หนาแน่นในจังหวัดชวาตะวันตกฐ บันเดิน และจากการ์ตา รวมทั้งพื้นที่ทางตะวันตกของจังหวัดชวากลาง สำหรับชวากลางและ ชวาตะวันออกนั้น เป็นถ่ิ่นฐานเดิมอขชงชาว ชวา ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย
             วัฒนธรรมของชาวซุนดานั้นส่วนใหญ่ยืมมาจากวัฒนธรรมชวา แต่มีความแตกต่างออกไปเนื่องจากการนับถือศาสนาอิสลาม และมีลำดับชั้นทางสังคมที่แข้.แกร่งน้อยกว่ามากth.wikipedia.org/wiki/ชาวซุนดา
              ภาษาซุนดา เป็นภาษาที่ใช้พุดในหมู่ชาวซุนดา ประเทศอินโดนีเซียน ในเขตชวาตะวันตก อยู่ในตระกูลออโตรนีเซียน สาขามลาโย-โพลีนีเซียน สำเนียงปรีงาอันเป็นสำเนียงที่มีการสอนในระดับประถมศึกษา ปัจจุบันเขียนด้วยอักษรละติน สระเดียวมี 7 เสียงคือ  a e' i o u e eu พยัญชนะได้แก่  p b t d k c j h ng ny m n s w l r y พยัญชนะอื่นที่ปรากฎในคำยืมจากภาษาอินโดนีเซียน ออกเสียงดังนี้ f ออกเสียงเป็น p v ออกเสียงเป็น p sy ออก เสียงเป็น s sh ออกเสียงเป็น s z ออกเสียงเป็น j kh ออกเสียงเป็น h th.wikipedia.org/wiki/ภาษาซุนดา

             หมู่เกาะซุนดา คือหมู่เกาะในประเทศอินโดนีเซีย ประกอบด้วยหมุ่เกาะซุนดาใหญ่ ประกอบด้วย เกาะบอร์เนียว เกาะชวา เกาะสุมาตรา เกาะซูลาเวซี หมู่เกาะซุนดาน้อย ประกอบด้วย บาหลี หมู่เกาะลอมบอก หมู่เกาะซุมบาวา หมู่เกาะฟลอเรส หมู่เกาะซุมบา หมู่เกาะติมอร์ ปัจจุบันอาณาบริเวณของหมุ่เกาะนี้ถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ของประเทศบรูไน ติมอร์-เลสเต อินโดนีเซีย และมเซียth.wikipedia.org/wiki/หมู่เกาะซุนดา
               ไหล่ทวีปซุนดา เป็นแลนด์ลริดจ์ต่อกับซาฮุลตรงช่องแคบวอลเลซที่บรรพบุรุษคนอเบอริจิ้นใช้ข้ามอพยพไปอยู่บนทวีปออสเตรเลียเนื่องจากเคยเป็นแผนดิน ทำให้ หลักฐานการตั้งหลักแหล่งจมอยุ่ใต้น้ำ เพราะคาบสมุทรมาลายาที่เราเห็น แท้จริงคือเขตสันภูเขา และอ่าวไทยไม่ลึกนัก นัดเดินเรือน้ำลึกลำบาก  ชีวมวลทั้งหลายจมน้ำแลโดนบีบอัดเป็นปิโตเลียม โดยจะเห็นได้จาก ถ้าเวียดนามและพม่ามีปิโตรเลียม ทะเลระหว่างญี่ป่นุ-จีน-เกาหลีก็มีปิโตเลียม ปรเทศไทยเราก็มีเช่นกันhttp://konthaigupandin.blogspot.com
                เขตชีวภาพซุนดาแล้นด์ เป็นชื่อเรียกการแบ่งเขตภูมิศาสตร์ทางชีวภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกบริเวณตั้งแต่ภาคใต้ของประเทศไทยลงไปถึงมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เกาะบอร์เนียว, เหาะสุมาตร, เกาะชวาและเกาะบาหลี
                 โดยสภาพอากาศของซุนดาแลนด์นั้น มีความชื้นสูง ในบางพื้นที่ฝนอาจตกติดต่อกันหลายวันจนะเป็นสัปดาห์ ความแตกต่างของแต่ละฤดูกาลมีไม่มากนัก พรรณพืชที่ขึ้นนั้นโดยมากเ็นพืชที่ไม่ต้องใช้แสงอาทิตย์ในการเติบโต ลักษณะป่าเป็นป่าดิบชื้นมีต้นไใ้ขนาดใหญ่ขึ้นหนาแน่น สัตว์ป่าที่อยุ่อาศัย มักเป็นสัตว์ที่หากินตามพื้นหรือสามารถอาศัยหากินได้บนต้นไม่สูง th.wikipedia.org/wiki/ซุนดาแลนด์
                 ชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนน้อยที่สุดในอินโดนีเซีย  "บาดุย" รวมทั้งหมดแล้วอาจไม่เกิน หนึ่งพันคน เรื่องราวของพวกเขามีคนรู้น้อยมาก รวมทั้งนักวิชาการที่พยายามเข้าไปศึกษามาเกือบ 200 ปีแล้ว ก็แทบจะหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพวกเขาได้ยาก เพราะบาดุยปิดตัวเอง ไม่อยากคบหาสมาคมกับใครเพราะเกรงว่าจะทำให้ตัวต้อง "แปดเปื้อน" ด้วยสิ่งที่เรียกว่าอารยธรรมในปัจจุบัน
             
  ชาติพันธ์กลุ่มนี้ตั้งภูมิลำเนาอยุ่ในซุนดา ไม่ไกลจากเทือกเขาต่างๆ แถบเมืองโบกอร์นัก คือบนทิวเขาบาดุย ซึงมีแม่น้ำชื่อเดียวกันในหุบ ชื่อของชนเผ่าจึงมาจากชื่อสถานที่ซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป้นคำที่ออกจะเหยียดๆ เพราะพวกเขาเรียกตัวเองว่าคน "ราวาจัน" จะว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่สูงส่งก็ไม่เชิงที่เดียว เพราะป็นชื่อของปมุ่บ้านที่เขาอาศยอยุ่เท่านั้นเอง บาดุยเป็นชื่อภูเขา คงทำให้รู้สึกว่าตัวเป็นชาวป่าชาวเขา ในขณะที่อย่างน้อยราวาจันก็เป็นชื่อบ้าน ฟังดูะป็นชาวบ้านกว่าเท่านั้นเอง
                พวกเขาเป็นใครมาจากไหนแน่ ไม่มีใครรู้ชัด แต่มีตำนานที่เล่ากันมาในปมุ่พวกเขาเองว่ เมื่อตอนเมอืงทางตอนเหนือของซุนดาเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม ผุ้ปกครองมุสลิมขยายอำนาจเข้าไปส่วนในของเกาะชวา อาณาจักรฮินดู-พุทธของซุนดาขณะนั้นคือปะจาจะรัน ถูกมุสลิมโจมตีแตกสลาย ประชาชนและผู้ปกครองถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนา คนกลุ่มหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนจึงต้องหลบหนีไปอยุ่ตามป่าเขา เลือกทำเลได้ที่ภูเขาบาดุยนี้ อันเป็นที่ห่างไกลแต่อุดาสมบูรณ์ และอยุ่กันมาดดยไม่ถูกรบกวนจนถึงทุกวันนี้...
               นักวิชาการสามารถพิสุจน์ตำนานนี้ได้เพียงว่า พวกบาดุยน่าจะเป็นชาวซุนดาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะภาษาของเขาเป็นภาษาซุนดาเก่าแน่ ส่วนเรื่องการหนีมุสลิมนันไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่จนถึงทุกวันนี้พวกเขาก็เป็นชาวพื้นเมืองจำนวนน้อยนิดบนเกาะชวา ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม
               ศาสนาที่พวกเขานับถือคือศาสนาที่อาจเรียกกว้างๆ ว่า ศาสนาพื้นเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็มีร่องรอยว่าผสมปนเปด้วยศาสนาจากภายนอกคือฮินดูและพุทธด้วยแน่ แม้แต่ศาสนาอิสลามเองก็อาจมีอิทธิพลในความเชื่อของเขาด้วย เพราะเขาเรียกพระเจ้าสูงสุดของเขาว่า Batara Badui Dalam แปลวว่า บาดุยส่วนใน ประกอบด้วยหมุ่บ้านสามหมุ่บ้าน แต่ละหมุ่บ้านมีหัวหน้าเรียกว่า ปุอุน ซึ่วมีบริวารคอยช่วยเหลือในการปกครองดูแลลูกบ้าน ชาวย้านเชื่อว่าปูอุนแต่ละคนล้วนสืบเชื่อสายมาจากาบาตาราตุงกั ฉะนั้น จึงมีอิทธิฤทธิ์บางอย่าง เช่น เรียกฝนหรือหยุดฝนได้ ตลอดจนมีญาณทิพย์อาจล่วงรุ้อะไรต่อมิอะไรได้หมด ทั้งความรุ้ทางวิทยาศาสตร์ซึ่วฝรั่งเพ่ิงมารู้ในภายหัง และใครล่วงละเมิดข้อห้ามต่างๆ ของชนเผ่า
           
   ในสามาหมู้บ้านของบาดุยส่วนในนี้ จะมีครัวเรือนรวมกันเกิน 40 ครัวเรือนไม่ได้ เพราะฉะนั้น หากมีครัวเรือนเพ่ิมขึ้น บาดุยก็จะตัดสินว่าครัวเรือนใดจะต้องย้ายออกไป
                การเพาะปลูกไม่มีการทดน้ำ ซ่ำยังค่อยข้าต่อต้านการทดน้ำด้วย เพราะเชื่อว่าปูอนมีอิทธิฤทธิ์เรียกวฝนหรือห้ามฝนได้ จึงไม่จำเป็นต้องมีการชลประทาน บาดุยมองการชลประทานว่าผิดธรรมชาติ และไม่ยอมให้นายอำเภอในเขตใกล้เคยงพัฒนาชลประทาน หากต้องมาละเมิดน้ำส่วยที่ผ่านหมู่บ้าของบาดุย การเลี้ยงสัตว์เป็นการละเมิดข้อห้ามของบาดุย มีสัตว์เล้ยงอยุ่เพียงสุนัข เป็นและไก่ เท่านั้น และด้วยเหตุดัง จึงไม่ค่อยได้ใช้เครืองมือในกาเรพาะปลูก และคงแทบไม่ได้เตรียมดิน เพราะจะใช้แม้แต่จอบก็ถือว่าละเมิดข้อห้ามเหมือนกัน
               เมื่อดูจากข้อกำหนดมิให้สมหาู่บ้านในบาดุยส่วนในมีมากกว่า 40 ครัวเรือน บวกกับข้อห้ามต่างๆ แล้วก็พอจะเห็นได้ว่า ชีวิตของเขาคงอยู่กันอย่าง "พอเพียง" จริงๆ คืออาศัยทรัพยากรจากธรรมชาติดดยตรงเป็นส่วนใหญ่ และด้วยเหตุดังนี้นจึงไม่สามารถรองรับคนได้เกิน 40 ครัวเรือน เพราะต้องจำกัดคนให้พอดีกับทรัพยากรที่มีอยุ่...
                ข้อห้ามในชีวิตของบาดุนั้นมีหลายอย่าง จะแตะต้องเงินตราไม่ได้เป็นอันขาด ไม่รับของขวัญจากใครไม่ขึ้นพาหนะใดๆ ทั้งสิ้น ห้ามดื่มเหล้าและสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด ไม่มองผู้หญิงด้วยตัฯหา ไม่นอนบนสิ่งใดนอกจากเสื่อซึ่งต้องลาดบนพื้นดินเท่านั้น ไม่กินอาหารเย็นก่อนค่ำ ไม่นุ่งผ้าสีดื่อนใดจอกจากขาว น้ำเงิน และดำ นอกจากข้อห้ามในการดำเนินชีวิตแล้ว ยังมีข้อห้ามหรือศีลในศาสนาซึ่งคล้ายฟ กับศีลในพุทธศาสนา เช่น ห้ามฆ่า ห้ามขโมย ห้ามผิดลูกเมีย และห้าใช้ความรุนแรง เป็นต้น
               ข้อห้ามสำคัญอีกอย่างของบดุย คือห้ามการอ่านเขียนหนังสือ เพราะเชื่อว่าการศึกษาที่ต้องอ่านเขียนได้ย่อมนำความเสื่อมาให้ การศึกษาที่ประเสริฐต้องเรยนรุ้จากะรรมชาติและวัฒนธรรมที่ตกทอดมากจากบรรพบุรุษ..
                ความพยายามที่จะอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และเผ้าระวังรักษาจิจใจตนเองด้วยการทำสมาธิและถือศีลเคร่งครัด ทำความลำบากใจแก่รัฐบาลอินโดนีเซียพอสมควร อดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตเคยของพบปูอุนทั้งสามโดยเดินทงมาเจรจากันในบาดุยส่วนนอก ปรธานาธิบดีเสนอดครงการพัฒนามากมายหลายอย่างแต่ชาวบาดุยขออยุ่อย่างเดิม ซูฮาร์โตต้องกลับไปโดยไม่สามารถเปิดดินแดนบาดุยให้แก่การพัฒนาตามดรงการของรัฐได้ ซูฮาร์โตปล่อยให้บาดุยดำเนินชีวิตตามอุดคติของเขาืบมาจนทุกวันนี้..http://serichon.org/board/index.php?topic=42278.0;wap2

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)