วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ASEAN-India Free Trade Agreement - AIFTA

                ปี พ.ศ. 2545 ผู้นำประเทศอาเซียนและอินเดียเห็นขอชให้มีการเจรจาจัตั้งเขตการต้าเสรีอาเซียน-อินเดีย และใน ปี พ.ศ. 2546 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามกรอบความตกลงวาด้วยความร่วมมือทางเศราฐกิจที่ครอบคลุมด้านต่่าง เพื่อเป็นกรอบแนวทางและแผนงานในการจัดตั้งเขตการต้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ที่จะครอบคลุมถึง กาเรเเปิดเสรีการต้าสินค้ากรต้าบริการ การลงทุน และกลไกระงับข้อพิพาท รวมทั้งส่งเสริมควาร่างมมือในการอำนวนทางการต้า ดดยเร่ิมเจรจาจัดทำความตลงว่าด้วยการต้าสินค้าเป็นฉบับแรกในในพี พ.ศ. 2552 อาเซยนและอินเดียได้ลงนามความตกลฃงเขตการต้าเสรีและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม พงศ. 2553 อาเซียนและอินเดียได้ลงนามความตกลงเขตการต้าเารีและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2553 กับประเทศอินเดีย ไทย สิงคโปร์ และ มาเลเซียน ส่วนประเทศที่เหลือ คอื อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553
              แนวทางการเจรจา ในปี พ.ศ. 2559 อินเดียและประเทศอาเซียนจำนวน 5 ประเทศประกอบดวย ประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีน และบรูไน จะยกเลิกภาษีศุลกากรของสินค้าโดยรวมประมาณร้อยละ 80 ของรายการสินึ้าทั้งหมด ส่วนประเทศสมาชิกอาเซียนที่เหลือ คือ กลุ่ม CLMV ประกอบด้วย ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จะยกเลิกภาษีภายหลัง ปี พ.ศ. 2564 ส่วนระหว่างประเทศฟิลิปปินส์ และอินเดีย จะยกเลิกภาษีภายน ปี พ.ศ. 2562 ข้อผูกพันทางภาษีไทย-อินเดีย
              ประเทศสมาชิกอยู่ระหว่างการรอลงนามความตกลงด้านการต้าบริการและการลงทุนเพื่อให้มีลผลบังคับใช้โดยเร็ว ทางด้านการต้าบริการ ไทยเสนอเปิดตลาดให้อินเดีย ถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 49 ในขณะที่อินเดียเสแนเปิดตลาดให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 50 ในบางสาขาหรือบางกิจกรรม แต่กรณีที่ต้องดำเนินการร่วมกับรัฐวิสาหกิจหรือกับรัฐบาลในลักษระ Joint Venture Partner ต่างชาติต้องเสนอโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วยทางดานการลงุทน อาเซียนและอินเดีย สามารถสรุปผลการเจรจาความตกลงการลงุทนครอบคลุมการเปิดเสรีการลงทุน การคุ้มครอง การส่งเสริมและการอำนวยการความสะดวกด้านการลงทุน โดยระดับการให้ความคุ้มครองการลงทุนเทียบเท่ากับความตกลง เพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (BIT) ของไทย โดยตกลงเจรจาข้อสงวนให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับจากวันที่มีผลใช้บังคับ
               ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และในปี พ.ศ. 2557 อินเดียเป็ฯประเทศที่มีขนาดเศณาฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก อินเดียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิต และส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปทั่วดลก ดดยเฉพาะสินค้าไอที อินเดียเป็นประเทศที่มีการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมไอทีอันดับต้นๆ ของโลก อีกทั้งเป็นประเทศคู่ค้าของอาเซียน 10 อันดับแรก รวมถึงมีความต้องการวัตถุดิบนำเข้าเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี
              เมื่อพิจารณามูลค่าและสัดส่วนการสงออกและการนำเข้าของกลุ่มประเทศอาเซียนไปประเทศอินเดีย พ.ศ. 2544-2555 กลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศมีการส่งออกไปประเทศอินเดียอยู่ระหว่างร้อยละ 1.7-3.8 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นปีที่อาเซียนลงนามทำความตกลงการต้าเสรีอาเซียนขอินเดีย ทำให้สัดส่วนการส่งออกของอาเซียนไปอินเดียมูลค่าการนำเข้ามีปริมาณเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี สัดส่วนมูลค่าการนำเข้าเมื่อเทียบกับมูลคาการนำเข้าจากทั่วดลกอยุ่ระหว่างร้อยละ 1.1-2.3 หลังจาก พ.ศ. 2552 สัดส่วนการนำเข้าเพ่ิมขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 เมื่อดูดุลการต้าระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนกับประเทศอินเดีย พบว่า กลุ่มประเทศอาเซียนเกินดุลอกับอินเดียทุกปี
            เมื่อพิจารณาสัดส่วนมูค่าการส่งออกแยกของกลุ่มประเทศอาเซียนไปประเทศอินเดียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544-2555 กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมดสงออกไปประเทศอินเดีย คิดเป็ฯร้อยละ 2.8-3.9 ประเทศอินโดนีเซียส่งออกสินค้าไปประเทศเกาหลีใต้ คิดเป็นร้อยละ 2.1-3.1 ประเทศมาเลิเซียส่งออกสินคึ้าไปประเทศอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 1.6-2.1 ประเทศไทยส่งออกสินคึ้าไปประเทศอินเดียคิดเป็ฯร้อยละ 0.8-0.9 ประเทศฟิลิปปินส์ส่งออกสินึ้าไปประเทศอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 0.4-0.9
            สถานการร์การต้าไทย-อินเดีย
            รายการสินค้าที่ประเทศไทยได้ประโยชน์จากอินเดีย คือ เครื่องรับโทรทัสน์สี เตาไม่โครเวฟ ตุ้เย็ สิงปรุงรสอาหาร สายไฟฟ้า เคเบิล ลิฟท์ บันไดเลื่อน เครื่องจักร ของเล่น อะลูมิเนียม เม็ดพลาสติก เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ น้ำผลไม้ และผลไม้แปรรูป ส่วนสินค้าอ่อนไหวที่อินเดียจะลดภาษีลงเหลือร้อยละ ในปี พ.ศ. 2559 ได้แก่เครื่องปรับอากาศของอืนๆ ที่ทำด้วยเหล็ก เครื่องยนต์ดีเซล ส่วนประกอบอื่นๆ ของ รถยนต์ เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่ ปูนซีเมนต์ เคมีภัฒฑ์ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้าชิ้นส่วนจักรยานยนต์/จักรยานยนต์และลวดทองแดง
             เมื่อพิจารณามุลค่าส่งออก 10 อันดับแรกสินค้าไทยไปประเทศอินเดีย สินค้าอันดับแรกที่ส่งออกมากที่สุด คือ เคมีภัณฑ์ รองลงมา คือ เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอาเกาศและส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูลและส่วนประกอบ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบตามลำดับ ความต้องการสินค้าไทย 10 อันดับแรกส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรแปรรูป ในแต่ละปี ความต้องการสินค้าบางรายการมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้น เมื่อเปรียบเทียบตามสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทย 10 รายการแรกในปัจจุบัน ประจำเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 สัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปประเทศอินเดียที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เคมีภัณฑ์ฺ เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่งนประกอบ ยางพารา รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ประเทศอินเดียเป็นประเทศคุ่ค้า 10 อันดับแรกของกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศไทย มีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาสินค้าอุตสาหกรรมป้อนสู่ตลาดดลกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมีความต้องการในสินค้าอุตสาหกรรมจาประเทศไทย เพื่อนไปผลิตสินค้าขั้นสุดท้ายเป็นอย่างมาก

                  - "ผลของการรวมกลุ่มทางการต้าระหว่างประเทศอาเซียนกับกลุ่มอาเซียน +6" วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต เสนอต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหง, โดย "เพชรไพลิน สายสิงห์"ฅ, 2557.
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...