Korean Peninsula (Korean War)

             ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เกาหลีถูกรุกรานจากจีนและญี่ป่นุหลายครั้ง หลังจากที่ญี่ปุ่่นชนะจีนในสงครามจีนกับญี่ปุ่น (Sino-Japanese War 1894-1895) แต่ญีปุ่นก็ยังคงกำลังทหารไว้ในเกาหลี่และยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ทางยุทธศาสตร์ของประเทศเกาหลีไว้ และอีก 10 ปีต่อมาญี่ป่นุก็สามารถเอาชนะในสงครามทางเรือต่อรัสเซีย -ญี่ปุ่น (Russo - Japanese War 1904-1905) ทำให้ญี่ปุ่นมาเป็นมหาอำนาจจักรวรรดินิยม ญี่ปุ่นจึงยังยึดครองเกาหลีต่อไปและขยายการยึดครองไปยังิดนแดนต่างๆ ของประเทศเกาลหลีโดยใช้กำลังทหาร จนรในที่สุดญี่ป่นุก็ได้ผนวกเกาหลีเป็นดินแดนของญี่ป่นุเมื่อเดือนสิงหาคม 1910
              เมื่อญี่ปุ่นเข้ามาปกรองเกาหลี ญี่ปุ่นจัดการฟื้นฟูประเทศเกาหลีให้มีความก้าวหน้าตามนโยบายจักรรรดินิยมของญี่ป่นุ เช่น ผลักดนให้เกาหลีมีความก้าวหน้าทางเศณาฐกิจ แต่ประชกรชาวเกาหลีกลับได้ผลประโยชน์จากความก้ายหน้าทางเศราฐกิจเพียงเล็กน้อย นอกจากนั้นญี่ปุ่่นยังกดขี่เกาหลีทงด้านวัฒนธรรมด้วย เช่น ห้ามใหช้ภาษาเกาหลี และเมื่อชาวเกาหลีกลุ่มใดเรียกร้องเสรีภาพ ญี่ป่นุจะให้ตำรวจเข้าทำการปราบปราม จึงทำให้ชาวเกาหลีด้ินตนแสวงหาอิสรภาพอย่างเต้ฒที่ในที่สุดได้เกิด
"ขบวนการซามิว" หรือ "ขบวนการ 1 มีนาคม" ขึ้นในปี ค.ศ. 1919 ซึ่งขบวนการซามิวนี้ประเกอบด้วยผูงชนที่ปราศจากอาวุธจำนวนมาก พากันเดินขบวนเรียกร้องให้ชาวโลกช่วยเกาหลีให้หลุ่มพ้นจากความเป็นทาสของญี่ป่นุ แต่การปฏิบัติการของขบวนการซามิวไม่สำเร็จผล บรรดาผู้นำในการกอบกุ้เอกราชของเกหลีจึงได้จักตั้งรัฐบาพลัดถ่ินขึ้นในประเทศจีน โดยตั้งให้นายชิงมัน รี เป็นประธานาธิบดีคนแรกของรัฐบาลเกาหลี แต่ต่อมาไม่นานรัฐบาลพลัดถ่ินดังกล่าวเกิดการแตกแยกเป็นหลายฝ่าย ในที่สุดกลุ่มที่นิยมโซเวียตก่อตัวเป็นกองโจรแล้วต่อต้านญี่ป่นุอยุ่ตามบริเวณพรมแดนที่ติดต่อระหว่างเกาหลีกับแมนจูเรีย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นปรปักษ์ตจ่อคอมมิวนิสต์ซึ่งทำการต่อต้านอยาางดุเดือดเช่นเดียวกับกลุ่มนิยมโซเวียต และในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กลุ่มที่เป็นปรปักษ์ต่อคอมมิวินสิต์ได้เข้าร่วมกับกองทัพจีน ส่งวนายชิงมัน รี เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่อหาทางกอบลกู้เอกราชให้เกาหลีโดยวิถีทางการทูตและการเมือง แต่ความแตกแยกทางความคิดของรัฐบาลพลัดถ่ินของเกาหลีในจีนก็ยังคงมีอยู่
              ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจาพันธมิตรจะประกาศให้เกาหลีเป็นเอกราชแล้วสหรัฐอเมริกากับอดีตสหภาพโซเวียตยังตกลงกัน่า เมื่อชนะสงครามแล้วจะใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต สำหรับควบคุมกองทหารญี่ป่นุของแต่ละฝ่าย
                 และเมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1945 กองทัพสหรัฐอเมริกาเคลื่อนกำลังไปในดินแดนเกาหลีตั้งแต่ใต้เส้นขนานที่ 38 ขึ้นไป และแต่ละฝ่ายจัดตั้งการปกครองในเกาหลีทีั้ง 2 เขตตั้งแต่นั้นมา จึงก่อให้เกิดการแบ่งแยกประเทศเกาหลีออกเป็น  ประเทศ แต่สหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกดังกล่าวจึงขัดขวางโดยเสนอให้วมเกาหลีทั้ง 2 เป็นประเทศเดียวกัน ซึ่งทางสหภาพโซเวียตเห็นด้วยแต่ีเงื่อไขว่า รัฐบาลที่จะปกครองเกาหลีต้องเป็นรัฐบาลที่จัดตังขึ้นตามเหงื่อนไขของสหภาพโซเวียตเท่านั้ สหนรัฐอเมิรกาจึงนำปัญหานี้เสนอต่องค์การสหประชาชาติตามเบงื่อนไขของสหภาพโซเวียตเท่านั้นสหรัฐอเมริกาจึงนำปัญหานี้เสนอต่อองคการสหประชาชาติพิจารณาเมือกันยายน ค.ศ. 1947 ต่อมาสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติให้เลือกตั้งทัี่้วไปในเกาหลีและให้อยุ่ในความควบคุมของสหประชาติ แต่สหภาพโซเวียนปฏิเสธความี่วมมือและ พฤษ๓าคม ค.ศ. 1948 จึงมีการเลือกตั้งทั่วไปในเกาหลีเฉพาะเขตคที่อยุ่ในการยึดครองของสหรัฐอเมริกาเพียงเขตเดียวเท่านัน การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกต้้งสมาชิกประจำสมัชชาแห่งชาติของเกาหลี หลังจาการเลือกตั้งผ่านพ้นสมัชชาแห่งชาติเกาหลีได่้ทำากรร่างรัฐธรรมนูญขคึ้นมาปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตยและประกาศไช้รัฐ
ธรรมนูญฉยับบนี้ในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1948 และในวันที่ 156 สิงหาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่ีงชาติเกาหลีประกาศจัดตั้งสาธารณรับเกาหลีขึ้นเป็นทางการโยมีนายชิงมัน รี เป็นประธานาธิบดีคนแรก และขณะเดียวกันใตช่วงต้นปี คซฦ.ศ. 1946 สหภาพโซเวียนก็ตอบโต้ด้วยการจัดตั้งรัฐบาลขึ้ามาปกครอง ในดินแดนยึดครองของตนเองบ้าง โดยมีนาย คิมอิล ซุง เป็นหัวหรเ้าคณะรัฐบาล ซึ่งเป็นไปในแนวทางคอมมิวนิสต์ ทำให้ชาวเกาหลีจำนวนามากที่อยุ่นเชตการปกครองนี้หนีลงข้ามเส้นขนาที่ 38 มาอาศัยในเขตที่สหรัฐอเมริกาได้ประกาศจึดตั้งสาธารณรัฐเกาหลีขึ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1948 สหภาพโซเวียนตึงจัดตั้งเขต ยึดครองของตนเป็นประเทศ "สาธารณรับประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี" มีนายคิม อิล ซุง เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล  และเมื่อจัดตั้งประเทศเกาหลีเหนือสำเร็จ สหภาพโซเวียจตึงถอยทัพออกไปจากดินแดนเกาหลีเหนือนับแต่นั้นมา เกาหลีจึงกลายเป็น 2 ประเทศโดยมีเส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งดินแดน
            เหตุการณืที่เกิดกับเกาหลีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แสดงให้เห็นว่าเกาหลี่เป็นอีกประเทสหนึค่งที่มหาอำนาจผู้ชนะสงครามได้วางแผนให้สู้รบกันเอง เพราะการแบ่งแยกประเทศและการแบ่งปยกแนวความคิดทางการเมือง และเมื่อสงครามสิ้นสุดลงแล้วชขาวเกาหลียังต้องจับอาวุธรบกันเองครั้งยิงใหญ่ เพราะเหตุที่มหาอำนาจ "ยัดเยียด" หรือ "ส่งเสริม" แนวความคิดทาสงการเมืองที่แตกต่างกันให้กับชาวเกาหลีนั้นเอง
             เกาหลีเป็นประเทศ ที่วัติศาสตร์ยาวนาไม่น้อยกว่า 5,000 ปรี และตลอดระยะเวลาที่ยายนามนั้นเกาหลีเต็มไปด้วยสงคราม เพราะที่ตั้งของประเทศเกาหลีเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญระหว่างญี่ปุ่น จีน และอดีตสหภาพโซเวียต ทำให้จีนและญี่ปุ่นต่างต้องการที่จะเข้าไปมีอิทธิพลเหนือเกาหลี ทำให้ประเทศทั้งสองเข้ารุกรานเกาหลีตลอดมา
             ในช่วงต้นและกลางศตวรรษที่ 20 ญี่ปุ่นได้เข้าครอบครองเกาหลีไว้ทั้งประเทศแล้วเปลี่ยนชื่อประเทศเกาหลีเป็น "ประเทศโซเซน" เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีจึงได้รับอกราชตามคำประกาศแห่งไคโรของฝ่ายพันธมิตรซึ่งการได้รับเอกตาชของเกาหลีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ทำให้เกาหลีถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 เขตการยึดครอง คือ เขตยึดครองของโซเวียนและเขตยึดครองของสหรัฐฯ ซึ่งต่อมาเขตยึดครองของมหาอำนาจทั้งสองกลายเป็นประเทศเกาหลี 2 ประเทศในปัจจุบัน
             เกาหลีก่อนแยกเป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เดิมเมืองหลวงอยู่ที่กรุงโซลเมื่อที่เป็นศูนบ์กลางการเมือง เศราฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมจของประเทศมานานกว่า 600 ปี มีแม่น้ำฮันกังไหลผป่านแลเทือกเขานัมซันตั้งอยุ่ใจกลางเมืองประเวัติของเกาหลีก่อนที่จะเจอสงครามเย็นจนแยกออกเป็นสองประเทศนั้นเคยถูกจีนและญี่ปุ่นรุกราน อย่างสหาหันสากัน ส่งสงครามเกาหลีเป็นช่วงต่อจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และเริ่มจ้นสงครามเย็น กล่าวคือ สหภาพโซเวียตในขณะนั้น ภายใต้การนำของสตาลิน จดๆจ้องจะประกาศสงครามกับญีปุ่่น แต่อเมริกาท้ิงประมาณูบอมบ์ฮิโรชิม่าจนญี่ป่นุประกาศยอมแพ้ในปี 1945 โซเวียตจึงยกทัพบุกแมนจูเรียกับเกาหลีทางเหนือทันที่ ซึ่งไม่มีการต่อต้านจากสองดินแดนนี้ อเมริกามองสถานการณ์อย่างไม่พอใจนัก จึงแยกอำนาจเกาหลีออกเป็นสองฝ่าย โดยให้โซเวียตกำกับดินแดนที่อยูเหนือเส้นขนาน 38 ขึ้นไป ในช่วงเวลาดังกล่าวการเมืองของเกาหลีทั้งฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้วูบวาบตลอดเวลา แต่ฝ่ายเหนือดูเหมือจะมั่นคงกว่า เมื่อโซเวียตหนุนหลังคิม อิล ซุง สร้างอำนาจเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายใต้แตกแยกเป็นฝ่ายนิยมคอมมิวนิสต์กับฝ่ายต่อต้านโดยมีอเมริกาแอบหนุนหลังฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์จนครองอำนาจเบ็ดเสร็จในปี 1947 ฝ่ายเหนือและใต้พยายามจะเปิดเจรจาเพื่อรวมชาติหลายคั้ง แต่ทั้งโซเวียตและอเมริกาต่างๆไม่ยอม เพราะเกรงจะเสียทีอีกฝ่ายในที่สุดทั้งสองดินแดจึคงจัดเลือกตั้งและมีรัฐบาลแยกตัวกันอย่างเด็ดขาด นำไปสู่การทำสงครามในปี 1950 และสิ้นสุดลงเมื่อ กรกฎาคม 1953 ซึ่งสงครามคร่าชีวิตชาวเกาหลีไปกว่า 3 ล้านราย สงครามเกาหลีเป็นส่วนหนึ่งของสงครามเย็น
             ในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1950 กองทัพเกาหลีเหือเคลื่นผ่านเส้นขนานที่ 38 มายังเกาหลีใต้ดินแดนเกาหลีต้องประสบกับภาวะสงครามครั้งยิ่งใหญ่นับจากสงครามดลกครั้งที่ 2 ยุติลง สงครามครั้งนี้เรียกว่า"สงครามเกาหลี" เป็นสงครามที่ดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานถึง 4 ปี เกาหลีเหลืออ้างว่ากองทัพสาธารณรับเกาหลีภายใต้การนำของ ชิงมัน รี ผุ้ขายชาติ ได้บุกรุกข้ามชายแดนมาก่อน และชิงมัน รี จะต้องถุกจับกุมตัวและประหารชีวิต
              ในสงครามครั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบแล้วเกาหลีเหนือมียุทโธปกรณ์และกองกำังที่เหนืขั้นกว่าเกาหลีไต้อยุ่มาก ทำให้กองทัพเกาหลีเหนือเข้าจู่โจมและได้รับผลำเร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้กองทัพเหนือยึดกรุงโซลได้ในบ่ายวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1950 แต่อย่างไรก็ตามความหวังของเกาหลีเหนือที่จะได้รับการยอมรับการยอมแพ้จากรัฐบาลของ ซิงมัน รี และทำการรวมชาติได้อย่างรวดเร็วก็สลายไปเมื่อสหรัฐอเมริกาและชาติมหาอำนาจอื่นๆ เข้าแทรกแซงและขยายสงครามกลางเมืองเป็นความขัดแย้งนานาชาติ
               ประธานาธิปบดี ทรูแน ของสหรัฐอเมริาการนขณะนั้นได้เดินทาไปที่สหประชุาชาตเพื่อขอคำอนุมัติในการนำกำลังสหประชาชาติเข้าทำการยุติสงครามและเกาหลีเหนือต้องถอนกำลังไปที่เส้นขนานที่ 38 จัดตั้งคณะกรรมาธิการสหประชาชาติเพื่เผ้าดูสภานการณ์และให้ระงับการช่วยเบหือรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทรูแมน กระทำโดยไม่ได้มีการเสนอให้ที่ประชุมสภาของสหรัฐอเมริการร่วมพิจารณาด้วย แต่คณะมนตีความมั่นคงสหประชุาชาติก็ได้ผ่านมติดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยปราศากผู้แทนของสหภาพโซเวียตเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้สหปะชาชาติจึงลงคะแนนเสีนงให้ช่วยเหลือเกาหลีต้ สหรัฐอเมริกาจึงได้ประกอบกำลังทหารและสงกำลังบำรุงจาชาติสมาชิก คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส แอฟริกาใต้ เตอร์กี ไทย กรีก เนเธอิร์แลนด์ เอธิโอเปีย โคลัมเีย ฟิลิปปินส์ เบลเยี่ยม และลักแซมเยิร์ก เข้าร่วม
             
 นอกจากนัน ทรูแมนยังได้สั่งการให้นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์ ผู้บังคับบัญชาการสูงสุดของฝ่ายพันธมิตร ซึ่งยึดครองญี่ป่นุอยู่ในขณะนั้น สงอาวุธ ยุทโธปกรณ์ สนับสนนุให้กับกองทัพเกาหลีใต้ และสั่งให้กองทัพเรือที่ 7 สหรัฐอเมริกาเดินทางมายังช่องแคบไต้หวันเพื่อป้องกันจีนคอมมิวินสต์บุกเข้ายึดเกาะไต้หวันและขณะเดียวกันป้องกันไม่ให้จีนคณะชาติที่ไต้หวันบุกยึดพื้ที่แผ่นดินใหญ่ของจีน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สงครามแผ่ขยายไปยังเอเชียตะวันออก
              เดือนสิงคหาคม ค.ศ. 1950 กองทัพเกาหลีใต้และกองทัพบกของสหรัฐอเมริกาภายใต้การบังคับบัญชาของ พลเอก วอลตัน วอคเคอร์ ถูกโจมตีถอยร่นมายังปูซาน ขณะที่อกงทัพเกาหลีเหนือบุกมานั้นได้ไล่สังหารชาวเมืองที่เคยช่วยพวกเขาในกาต่อต้าน ซิงมัน รี ในสงครามครั้งนี้อย่างโหดร้าย และในเือนกันยายนปีเดี่ยวกัน กองกำลังพันธมิตรชั่วคราวยังยึดพื้นที่รอบเมืองปูซานไว้ได้ซึ่งเป็นเพียง 10 % ของคาบสมุทรเกาหลี
              ในการเปชิญหน้ากับการโจตีอย่างดุเดือดของเกาหลีเหนือ การตั้งรับของฝ่ายพันธมิตรกลายเป็นการสู้รบเข้าตาจนที่ฝ่ายสหรัฐอเมริกาเรียกว่า "สงครามวงรอบปูซาน" อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือไม่สามารถตีเมืองปูซานแตกได้ ซึ่งขณะนั้นทั่วทั้งเกาหลีเกต็มไปด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด สหรัฐได้โจมตีแหล่งส่งกำลังหลักต่างๆ ของเกาหลีเหนือเพื่อให้กองทัพเกาหลีเหนือขาดแคลนสิ่งจำเป็นในการทำสงคราม ซึ่งการำลายของเครื่องบินทิ้งระเบิดครั้งนี้ทำให้การส่งยุทโธปกร์ไม่สามารถไปถึงกองทัพเกาหลีเหนือ ที่ปฏิวัติการรบอยุ่ทางใต้ได้ ในขณะเดียวกันฐานส่งกำลังในญี่ป่นุของสหรัฐอเมริกาได้ทำการส่งอาวุธและกำลังทหารมายังเมืองปูซานอย่างมากมาย ทำให้เกาหลีใต้มีความแข็งแกร่งและมีกำลังทหารมากว่ากองทัพเกาหลีเหนือ อยู่กว่าเกือบแสน และในเวลานี้เองกองทัพสหประชาชาติและเกาหลีใต้ก็ได้เร่ิมปฏิยัติการโจมตีตอบโตค้ กองทัพสหประชาชาติได้ขับไล่กองทัพเกาหลีเหนือผ่านเส้นขนานที่ 38 จุดหมายปลายทงในการที่จะปกป้องรักษารัฐบาลเกาหลีใต้บรรลุแลว กองทัพสหประชาชาติได้ข้าแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือเมื่อต้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 1950 ทำให้กองทัพเกาหลีเหนือแตกกระจายและถูกจับเป็นเชลยถึง 135,000 คน และการรุกของกองสหประชาชาิ ครั้งนี้สร้างความกังวบลให้จีนมาก เพราะเป็นห่วงว่าสหประชาชาติจะไม่หยุดอยู่เพียงแม่น้ำยาบูซึ่งเป็นชายแดนระหว่างเกาหลีเหนือและจีน และดำเนินนโยบายให้จีนกลับสู่อำนาจเก่าคือ เจียงไค เชค หลายคนในชาติตะันตกรวมทั้งนายพล ดักลาส แมคอาเธอร์ คิดว่ามีความจำเป็นต้องขยายสงครามไปสู่จีน แต่ทรูแมนและผุ้นำคนอื่นๆ ไม่เห็นด้วย  นายพล ดักลาส จึงถูกกล่าวเตือนในเรื่องดังกล่าว แต่นายพลฯ ก็ไม่ใส่ใจการเตือนั้น โดยเข้าแย้งว่าเนื่องจากกองทัพเกาหลีเหนือได้รับการส่งกำลังจากฐานในเขตแดนจีน คลังสงกำลังเหล่านั้นจึงควรถูกทำลายด้วย
           
 8 ตุลาคม ค.ศ. 1950 หลังจากที่ทหารสรัฐอเมริกาข้ามเส้นขนานที่ 38 ไปแล้ว ประธานเหมาเจ๋อตุงของจีนได้ออกคำสั่งใหรวบรวมกองทัพอาสาสมัครประชุาชนจีนเคลื่อพลไปยังแม่น้ำยาลูและเตรียมพร้อมที่จะข้าแม่น้ำ ขณะเดียวกันเหมาเจ๋อ ตุงมองหาความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียตและมอว่ากรแทรกแซงสงครามเกาหลีครั้งนี้เป็นเพียงการป้องกันตนเอง ขอากล่าวกับสตาลินว่า "ถ้าเรายินยอมให้สหรัฐอเมริกาครอบครองเกาหลีทั้งหมด เราก็ต้องเตรียมตัวให้สหรัฐฯประกาศสงครามกับจีน" อย่างไรก็ตาม สหภาพโซเวียตก็ได้ตัดสินใจให้การช่วยเหลืออย่างจำกัดกับจีน ทไใ้จีนโกรธเคื่องมก ในขณะที่สหรัฐอเมริการก็รู้ดีว่าสหภาพโซเวียรไต้ส่งกำลังทางอากาศเข้ามาในสงครามเกาหลี แต่ก็น่ิงเฉยเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่สงครามนิเคลียร์ และในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1950 นั้นเองที่เป็นวันที่กองทัพอาสาประชาชนจีนเข้าปะทะกับทหารสรัีฐอเมริกา โดยใการปารปะทะครั้งนี้จนทำการเคลื่อนพลได้อย่างมีระเบียบวินัยและแยบยลเป็ยอย่างยิ่ง
             ปลายเดือนพฤศติกายน ค.ศ. 1950 กองทัพจีนได้เข้าโจมตีพื้ี่ด้านตะวันตกตามแนวแม่น้ำของ ซอน และสามารถเอาชนะกองทัพเกาหลีใต้หลายกองพลและประสบความสำเร็จในการเข้าตรีกองทัพสหประชาชาติ ที่เหลืออยู่ จากความพ่ายแพ้ของกองทัพสหรัฐอเมริกาเป็นเหตุให้ทหารสหรัฐอเมริกาต้องล่าถอยเป็นระยะยาวที่สุดในประวัติศาสตร์
            ในเดือน มกราคม ค.ศ. 1951 ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ทำการโจมตีอีกครั้งในช่วงที่เรียกว่า Chinese Winter Offensive กองทัพจีนได้ใช้ยุทธวิธีในรูปแบบเดิมอย่างที่เคยทำ สถานการณ์ของกองทัพที่ 8 แย่ลงไปอีกเมื่อพลเอกวอคเคอร์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ผู้นำคนใหม่คือ พลโท แมททิว ริดจ์เวย์ ซึงเขาเร่ิมดำเนินการด้วยการกระตุ้นขวัญและกำลังใจของกองทัพที่ 8 ซึ่งตกต่ำจากการถูกโจมตีจนต้องล่าถอยเป็นระยะทางไกล และในปลายเดือนมกราคมนั้น จากการลาดตระเวนริดจ์เวย์ พลว่า แนวรบตรงหน้าเขาปราศจากข้าศึก เขาจึงพัฒนแผนการรุกแบบเต็มกำลังในยุทธการรวอัพ ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างมาใน ต้นเดือนกุมภาพันธ์กองทัพสหประชาชาติมาถึงแม่น้ำฮันและยึดเมืองวอนจูได้อีกครั้ง
           
จีนทำการตอบโต้กลับในเดือนกุมภาพันธ์ที่ฮองของในภาคกลางเข้าตีท่ตั้งกองทัพน้อยที่ 9 รอบเมืองชิบยองนี กองพลทหารราบที่ 2 ของสหรัฐรวมกับกองพันทหารฝรั่งเศสได้ทำการต่อสู้ชนิดเข้ตาจนในช่วงเวลาสั้น แต่ก็สามารถต้อนการรุกของจีนได้ และในสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1951 กองทัพบกที่ 8 รุกเต็มรูปแบบเพื่อใช้อำนาจการยิงสูงสุดและมุ่งทำลายกองทัพจีนและเกาหลีเหนือมากที่สุดโดยยุทธการคิลเลอร์ กองทัพน้อยที่ 1 จึงได้ยึดครองดินแดนด้านใต้ของฮัน ในขณะที่อกงทัพน้อยที่ 9 สามารถยึดครองรองชอนได้
               11 เมษายน 1951 ประธานาธิบดีทรูแมนได้ปลดพลเอกแมคอาเธอร์ออกจากตำแหน่ง ผุ้บัญชาการกองทัพสหประชาชาติเนื่องจากขัดคำสั่ง ผู้บัญชาการคนใหม่คือ พลเอกริดจ์เวย์ ได้จัการกลุ่มกองทัพสหประชาชาติใหม่ เกิดการโจมตีอย่างเป็นขั้นเป็นตอนขับไล่คอมมิวนิสต์ให้ถอยไปช้าๆ กองทัพสหประชาชาติยังคงรุกคือบจนกระทั่งถึงแนวแคนซัส ซึ่งอยุ่เหนือเส้นขนานที 38 พวกเขาได้เปิดฉากการรุกในช่วงที่ 5 การโจมตีหลักคือ ตำแหน่งกองทัพน้อยที่ 1 แต่ก็ถูกต้านทานอย่างเหนียวแน่นที่แม่น้ำอิมจินและคาเปียง การรุกของจีนถูกหยุดลงที่ที่แนวตังรับเหนือกรุงโซล
              กองทัพสหประชาชาติตัดสินใจหยุดอยุ่แค่แนวแคนซัส ซึ่งอยุ่เหนือเส้นขนานที่ 38 และหยุดนิ่งไม่มีทีท่าที่จะทำการรุกขึ้นไปในเกาหลีเหนือ บ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่เกิดมีกายิ่งกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหลือจนกระทั่งมีการตกลงเพื่อหยุดยิง...

                       - wiki.kpi.ac.th/...สงครามเกาหลี
                       - gojoseon.blogspot.com... สาเหตุของสงครามเกาหลีเหนือ&เกาหลีใต้
           

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)