Korean Peninsula

             ความเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ ต่อสถานการณ์ในคารบสมุทรเกาหลีส่งผลให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ต้องกมาหยััิบยกขึ้นมาหารือเป็นกรณ์พิเศษ โดยที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาซียน ได้ออกแถลงการณ์แยกต่อกรณีความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี โดยแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อความตึงเครียดที่เพ่ิมสูงขึ้น รวมถึงการทดสอบนิวเคลียร์และการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลี่เหนือ
           
อาเซียนเห็นว่าความไม่มั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีส่งผลกระทบอยางยิ่งต่อภูมิภาคและโลก และของเรียกร้องอย่างจริงจังให้เกาหลีเหนือ ปฎิบัติตามพัธกรณีที่มีต่อข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อคงไว้ซึ่งสติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และาียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดทนอดกลั้น พร้อมสนับสนุนให้คาบสมทุรเกาหลัีเป็นเขตปลดออาวุธนิวเคลียร์และขอให้หันกลับไปสูการพูดคุยเพื่อลอความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
            แต่ไม่ว่าความตึงเครียดจะรุนแรงแค่ไหน นักวิชากรด้านความมั่นคงก็มั่นใจว่า จะไม่บานปลายกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ หรือ สงครามโลกครั้งที่ 3 โดยให้เหตุผลว่า ปัจจัยที่จะทำให้เกิดสงครามขนาดใหญ่ คือ ประเทศมหาอำนาจต่อสู้กัน นที่นี้ คือ สหรัฐฯ กับ จีน แต่ปัญหาก็ยังไปไม่ถึงขขั้นนั้น เว้นแต่เกาหลีเหนือถูกบีบจนหลังชนฝา แล้วยิงจรวดใส่เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่น ที่อาจทำให้สหรัญฯ กับจีน ซึ่งหนุนหลังแต่ละฝ่าย ออกมาเผชิญหน้ากันได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจึงจะทำให้เกิดสงครามขนาดใหญ่...
           เ่กาหลีเหนือภายใต้การนำของผุ้นำสูงสุ คิม จองอึ ได้แกสดงความแข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งแทนบิดาเมือปีกว่าที่ผ่านมา ตลอดเวลาประชุาคมโลกมีความหวังว่าผุ้นำหนุ่มที่สุด (อายุ 32 ปี) ในโลกคนนี้จะนำเกาหลีเหนือไปสู่มิติการเมือง เศราฐกิจสังคมใหม่ รวมทั้งเชื่อว่าผุ้นำรุ่นที่สามคนนี้ มีการศึกษาในต่างประเทศมาก่อน น่าจะมีความรู้แลความเข้าใจในสังคมทันสมัยและมีเศราฐกิจเจริญก้าวหน้า พัฒนาประเทศ ทำให้ประชุาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น
           ในปัจจุบัน นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ทั่วโลกปวดหัวมา ไม่สามารถเข้าใจถึงควมต้องการของ คิม จองอน ลึกๆ เขาต้องการอะไรกันแน่ ที่ผ่านมามีเหตุการ์ล่เเหลมเกิดขึ้นมาตลาด ล้วนชี้ไปทางเดียวว่า ผุ้นำคนี้ไม่มีความคิดต้องการเห็นสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีอย่างแน่นอน ทไใ้ผุ้นำเกาหลีใต้และชาติอื่นๆ เป็นห่วงมาก
            เมื่อต้นเดือนเมษายน กองทัพของสองเกาหลีได้มีการยิงปะทะกันอ้วยปืนใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่เหตุการณืครั้งนี้สร้างความตระหนกตกใจต่อหลายประเทศในภูมิภาคว่า ในขณะที่ประชุาคมโลกกำลังเผ้าดูสถานกาณ์ในไครเมีย และการใช้กองกำลังเช้ายึดครองพื้นที่ของยูเครน เกาหลีเหนืออาจจะทดสอบความพร้อมทางด้านกำลังรบของเกาหลีใต้อีกครั้ง
              เมื่อเร็วๆ นี้ ปรธนาธิบดี ปักกัน เฮ ได้เสนอแยการจะรวมสองเกาหลีในอนาคตโดยใช้แนวทางสันติภาพ ปฏิญาณเดรสเดน บ่งชัดว่าการวมสองเกาหลี่นั้นจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป โดยเริ่มจากให้วามช่วยเหลือ ทางด้านมนุษยธรรม ซึ่ง ทางเกาหลีไใต้ได้ให้ความช่วยเหลือด้านนี้มาดดยตลอด ตามด้วยความร่วมมือทางด้านเศราฐกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรมและการร่วมมือระหว่างสองระบบเศรษฐกิจเกาหลีทำให้สองเกาหลีเข้ารวมตัวกันง่ายขึ้น โดยเฉพาะการลดช่องวางเสษบกิจระหวางกัน ส่วนเสาหลักสุดท้ายอยู่ที่สัมพันธ์ประชุาชนต่อประชาชน คนเกาหลีเป็นจำนวนมากถูกแยกห่างออกจากัน เนื่องจากสงครามเกาหลีปละความแตกต่างทางด้านการเมือง
              ฝ่ายเกาหลีเหนือไม่ได้แสดงความยิดีอะไรต่อข้อเสนแเกาหลใต้ ผู้นำเกาหลีเหนืออาจจะผิดหวังก็ได้ เพราะลึกๆ เกาหลีเหนือต้องการให้เกาหลีใต้ยกเลิกการห้ามทำธุรกิจท่องเที่ยวกับเกาหลีเหนือ ที่ผ่านมาผุ้นำเกาหลีเหนือมักใช้วิธีข่มขู่เกาหลีใต้และญี่ป่นุเพื่อเาอมาเป็นอำนาต่อรองในการขอเพิ่มคามช่วยเหลือทางมนุษยธร
              พฤติกรรมของผุ้นำเากลีเหนือที่ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาจะพบว่ามีวิธีกาแบเดียวกันคือ หนึ่งเข้าร่วมการเจรจา 6 ฝ่าย หลังมีข้อตกลงกันแล้ว จะมีการละเมิดข้อตกลง ต่อด้วยการยั่วยุสหรัฐอเมริกา ญี่ป่น และเกาหลีใต้  เพื่อมความตึงเครียดหลังจากนั้นไม่นาน จมีท่าที่อ่อนลง เข้าสู่โต๊ะเจรจาอีก เหสร็จแล้วก็จะพบกับสถานการณ์เดิมซึ่งถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ซื้อเวลาที่ได้ผลตอนนี้ คิม จองอึน ต้องนำเกาหลีให้รอด เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศตกต่ำมาก
           
ปัจจุบันนี้มีความพยายามจะรื้อฟิ้นการเจรจา 6 ฝ่ายที่ได้หยุดชะงัไปแล้วตั้งแต่ปี 2009(2552) เกาหลีเหนือไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจาเพราะถูกองค์การสหประชุาชาติโดดเดียวางด้านการต้าและการคลัง ช่วงหลัง อาเซียนเร่ิมให้ความสนใจ เนืองจากคู่กรณีในการเจรจาหกฝ่ายล้วนเป็นสมาชิกในเวที่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นความมั่นคงในเอเซีย-แปซิฟิก หรือ เออาร์เอฟ นั่้นเอง ปรากฎว่า สมาชิกมนวงเจรจาหกฝ่ายยังไม่มีประชามติในเรื่องนี้ ฝ่ายอเาซียนเชื่อว่า องค์กรตัวเองมีศักยภาพในการชักจูงให้เกาหลีเหนือเข้าสู่โต็ะเจรจาได้
              นอกจากนั้นมิตรภาพจีนและเกาหลีใต้ดีขึ้นมา การต้าการลงทุนในช่วงสาม-สีปีที่ผ่านมาเพ่ิมสูงขึ้น นักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีไปมาหาสู่กันกว่าสามล้านคนต่อปี ทางอาเซียนเห็ว่า ถ้าจีนและเกาหลีได้สนับสนนุท่าที่อาเซียน การเจรจาหกฝ่ายอาจจะเพ่ิมขึ้นอีกหนึ่งเจ้าคือ อาเซียน นั่นเอง....
               ที่ประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ ตระหนักถึงความจำเป็นในการ่วมมือต่อต้านภัยก่อการร้าย ขณะทีอ่าเซียนใช้ เวทีแสดงจุดยือนเดิมต่อความขัดแย้งในคาบสมุทรทรเกาหลีโดยย้ำให้เกาหลีเหนือ ปฏิบัติตามกฎของสหประชาชาติ และร่วมกันแก้ปัญกาด้วยความสันติ..
               ในการประชุมสุถยอดผุ้นำอาเซียนครั้งที่ 30 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นการบพกันครั้งแรกของผุ้นำอาเซียนในปีนี้ ซึ่งเป็นคร้้งแรกที่ิลิปปินส์ตามมาด้วยการประชุมผุ้นำอาเซียนกับประเทศคุ่เจรจากในปลายปีีซึ่งจะเป็นการประชุมผุ้นำที่เหใญ่กว่านี้มาก เนื่องจากผุ้นำของประเทศคู่เจรจาของอาเซียนจำนวนมากจะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมกับผุ้นำอาเซียนถึงประะานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะพบปะกับและเข้าร่วมหารือกับผุ้นำอาเวียนในปลายปีนี้ด้วย
               ก่อนหน้าดูเหมือนสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่เเสดงท่าที่ชัดเจนว่าจะหใ้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียในระดับใด หลังจากสิ้นสุดยุคของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีบารัค ดอบามาที่ประกาศนโยบาย "ปักหมุดเอเชีย" หรือหันกลับมาให้ความสำคัญกับเอเชียอีกครั้งหนึ่งเพื่อลอทอนอิทะิพลของจีนในภุมิภาคนี้
                อย่างไรก็ดีการประกาศว่าปรธานาะิบดีทรัมป์จะมาร่วมประชุมสุดยออาเซีย ครั้งที่ 31 และการประชุมสำคัญอื่นๆ ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีในทางเหนึ่งก็สะท้อนไให้เก็นว่ารัฐบาลสหรัฐชุมปัจจุบันตระหนักแล้วว่าแม้จะยังงยคึดนโยบาย "อเมริกาต้องมก่อน" เป็นแก่นแกนในกาดำเนินงานทุกด้านแต่สหรัฐในฐานะที่เป็นมหาอำนาจของโลกก็ไม่อาจตคัดขาดนเองออกจากโลกได้ และสกรัฐยังคงต้องแสดงบทบาทนำหนหลารยๆ ด้าน ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่สมดุลก็เป็นส่ิงที่สกรัฐต้องยึดมั่นต่อไป
                สิงที่สะท้อนให้เก็นว่าสรัฐกลับมาให้ความสำคัญกัอเชียและอาเซียอีกครั้งแม้จะยังต้องจับตาดูแลประเมินสถานการณืกันต่อไปก็คือการที่นายเร็กซ์ ทิลเลิร์สันรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัญ ได้เหชิญรัฐมนตรีต่างประเทศอาเวียน ให้ไปพบปะหารือสมัพิเศษทกันที่กรุงวองชิงตัน ดี.ซี. ในันที่ 4 พฤษาคมนี้ ซึ่งนายดอน ประมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าดารกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า เ็นการไปหารือในประเด็นที่อยุ่ในความสนใจของทั้งสอง่ายไม่ว่าความมั่นคงในภูมิภาค สภานกาณ์ระหว่าประเทศ และความรวมมือด้สนอืนไ ซึงร่วมถึงเรืองการต้าการลงทุน
               เชื่อได้เลยว่าเวทีการพบปะารือดังกล่าวในทางหนึ่งก็เป็นความพยายามของฝ่ายสหรัฐที่ประกาศว่าจะเร่ิงการดำเนินนโยบายทางการทูตเพื่อกาทางออกต่อกรณีเกาหลีเหนือ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาถูกมองว่าสถานการณ์บนคาบสมทุรกาหลีกำลังทวความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยฝ่ายเกาหลีเหนือพยายามจะบอกว่าการทีต้องพัฒนาขีปนาวุธหรือนิวเคลียร์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจาสหรัฐที่จัมือกับชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้เพื่อรุกรานเกาหลีเหนือ
             
 ความพยายามของเกาหลีเหนือท่จะหาพวกยังปรกกฎให้เห็นในจดหมายที่รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือส่งถุงเลขาธการอาเวียน ซึ่งเพิ่งถูกนำมาเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวเอเอฟพีก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนีจะเร่ิมขึ้น ทั้งที่จดหมายดังกล่างถูกส่งให้กับเลขาธิการอาเซียนตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา หรือกว่ากนึ่งเดือนก่อนหน้านี้
               เกาหลีเหนือได้่งจดหมายเพื่อให้เลขาธิการอาเซียนได้เวียรให้ชาติสมาชิกอาเซียนรับทราบและให้การสนับสนุนเกาหลีเหนือกลายเป็นส่ิงที่ครอบงำความสนใจขอผู้ที่มาทำข่าวการประชุสุดยอดอาเซียนไปทันทีแม้วาก่อนหน้านี้ความสนใจต่อประเ็นความตึงเครยดบนคาบสมุทรเกาหลีจะมีอยุ่แต่ก็เพรียงในระดับหนึ่งเท่านัน เป็ฯการตัดสินใจเผยแพร่จดหมายให้กับสื่อหลังจากที่เลขาธิการอาเว๊ยนไดมได้เวียนหนึงสือให้สมาชิกอาเวียนอย่างี่เกาหลี่เหนือต้องการ
               รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซึยนจึงได้ออกแถลงการณ์แยกต่อกรณีสถานการณ์บนคาบสมทุรเกาหลีซึ่งไม่เพียงแต่จะเป้ฯการแสดงท่าที่อาเซียนต่อกรณีดังกล่าว แต่ยังเป็นการแสดงใหเห็นว่าอาเซียนในฐานะประชาาคมยังมีจุดยืนร่วมกันในประเด็นที่อยู่ในควาสนของโกทั้งเป็นจุดยื่อนรัญมนตรีต่างประเทศอาเวียนสามารถนำไปพูดคุยกับรับมนตรีต่างประเทศสหรัฐในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น และตอบข้อเรียกร้องของเกาหลีเหนือย่างชัดเจนว่าเกาหลีเหนือจะต้องทำตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้ามาหาทางแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีต่อกรณีนี้ต้องถือว่าอาเซียนรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทีนที
               สิงที่จะต้องจับตาดุหลังจากนี้ไปนอกจากพัฒนาการรายวันบนคาบสมุทรเกาหลีแล้วก็คือเวทีการพูดคุยกันของฝ่ายต่างๆ เพื่อหาทางลดอุณหภูมิความร้อนแรงของประเด็นคาบสมทุรเกาหลีไม่ได้บานปลายใหญ่โตออกไปมากกว่านี้จนถึงกับเป็นการปะทะกันด้วยอาวุทธยุทโธปกรณ์ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่ายังไม่น่าจะเกิขึ้น
              ขณะที่เวทีการประชุมอเวียนว่าด้วยความรวมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเออาร์เอฟ ที่จะจัดขึ้นพร้อมกับภารประชุมสุดยอดอาเวียนในช่วปลายปี ซึ่งเป็นเพรียงเวที่การประชุมด้านความมั่นคงในภูมิภาคเวทีเดียวที่เกาหลีเหนือเป็นสมาชิกอยุ่ก็จะกลายเป็นเวทีร้อนตามา ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้นจะททำให้การประชุมสุดยอดอาเซียนในปลายปีนี้ ยิ่งน่าจะได้รับความสนใจมากย่ิงขึ้นไปอีกหลายเท่า

                        - http//www.matichon.co.th/..คอลัมน์ วิเทศวิถี: "คาบสมุทรเกหลี" ปัญหาป่วนอาเซียน
                        - www.komchadluek.net/...คาบสมุทรเกาหลีกับความมั่นคงเอเชีย
                        - www.krobkruakao.com/...อาเซียน-ถกวิกฤตคาบสมุรเกาหลี
               
               

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)