อัศวินเทมพลาร์ เป็นคณะทหารคริสเตียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เป็นองค์กรอยู่เกือบสองศตวรรษในสมัยกลาง
คณะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กการที่ได้รับบริจากทรัพย์สินอย่างมากมายตลอดคริสตจักรและเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในแง่สมาชิกและอำนาจเทมพลาร์เป็นหนึ่งในหน่วยรบที่มีฝึมือที่สุดในสงครามครูเสด
อัศวินเทมพลาร์ก่อตั้ง จากชนชั้นสูงปรังเศส พร้อมกับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คน ก่อตั้งกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมายในการปกป้องผู้แสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ กษัตริย์ แห่งเยรูซาเล็ม ได้อนุญาตให้ทั้ง 9 ไปอาศัยอยู่ที่บริเวณทิศใต้ของ Temple Mount ซึ่งทั้งชาวคริสต์และสลามถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ โดยชาวคริสต์เชื่อว่าโปสถ์แห่งนั้นตั้งอยู่บนซากปรักหักพักของ วิหารแห่งโซโลมอน และมุสลิม นั้น กาหลิบแห่งอิสลาม เคยสร้าง วิหาร โดมทองแห่งเยรูซาเล็มซึ่งภายในบรรจุก้อนหินที่ศาสดามูฮัมหมัดได้รับจากสวรรค์ ณ ที่ตรงนั้น และโดยการอาศัยอยู่ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิเช่นนี้ทำให้ในภายหลังมีเรื่องเล่าขานกันว่า พวกเขาได้พบ “จอกเหล้าองุ่นที่พระเยซูคริสต์ใช้ในการรับประทานอาษรมื้อสุดท้าย) The Holy Grail
ในช่วงเริ่มแรก พวกอัศวินไช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาก จึงได้รับการขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้ และจากการที่อาศัยอยู่ในสถานที่ศักดิสิทธิ จึงได้รับการขนานนามว่า “อัศวินแห่งโบสถ์โชโลมอน”
เก้าปีต่อมา เชื่อเสียของอัศวินผู้สมถะ มีผุ้บริจาคทรัพย์สินเงินทาองมากมาย ทั้งที่ดอน และเงินทองมากมาย ชนชั้นสูงชาวยุโรปหลายคนนังส่งลูกหลายของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว และพวกเขาได้รับเกียรติจากสันตปาปา อินโนเซนต์ที่ 2 ประกาศให้พวกอัศวินเทมพลาร์อยู่เหนือกฎหมายของทุกประเทศ ไม่ต้องเสียภาษี และสามารถเดินทางผ่านดินแดนใดก็ได้โดยมิให้ผู้ใดขัดขวาง
กลุ่มอัศวินเทมพลาร์นั้น สมาชิกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
- อัศวิน ถูกฝึกฝนในแบบของทหารม้าหนัก แต่งกายด้วยสีขาวและสัญลักษณ์กางเขนสีแดง
- Sergeants มาจากชนชั้นที่อยู่ต่ำกว่าอัศวิน ทำหน้าที่ในฐานะทหรม้าเบา พวกนี้จะสวมชุดสีนำตาบ
- The serving brothers ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณและทางศาสนาให้กลุ่มพวกอัศวินเทมพลาร์เข้าร่วมสมรภูมิสำคัญ ๆ ในดินแดนแถบนี้ในฐานะกองทหารชั้นยอด และยังเคยเข้าร่วมกับ กองทัพ หลุยส์ แห่งฝรั่งเศษ และ ริชาร์ดใจสิ่งแห่งอังกฤษในการบในดินแดนปาเลสไตน์
อัศวินเทมพลาร์เริ่มใช้ระบบซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของระบบธนาคาร เนื่องจากกลุ่มเทมพลาร์มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาล และเริ่มให้ผู้แสวงบุญชาวสเปนยืมเงินสำหรับใช้เดินทางไปดินแดนศึกดิ์สิทธิ โดย เมือมีผู้แสวงบุญในยุโรปประสงค์จะเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ พวกเขาจะนำทรัพย์สินทั้งหมดของตนไปฝากไว้กับฐานของอัศวินเทมพลาร์ในประเทศของตน ซึ่งทางอัศวินเทมพลาร์จะออกใบเสร็จซึ่งจดบันทึกรายการทรัพย์สินที่ฝากไว้ให้ผู้แสวงบุญติดตัวไป และเมือผู้แสวงบุญกำลังเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ หากต้องการใช้เงินเมือไร ก็นำใบเสร็จนี้ไปยื่นต่ออัศวินเทมพลาร์ที่เจอระหว่างทาง และนำทรัพย์สินของตนออกมาใช้ เพื่อป้องกันการถูกปล้นกลางทาง
นอกจามีระบบฝากเงินแล้ว ด้วยความร่ำรวยจึงมรหลายต่อหลายคนในยุโรปเข้ามรยืมเงิน การคิดดอกเบี้ยเป็นข้อห้ามของศาสนจักร พวกอัศวินเทมพลาร์จึงใช้วิธีคิด “ค่าเช่า” แทน
อัศวินแทมพลาร์กลายเป็ฯกลุ่มที่ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างมาก ครอบครองที่ดินทั้งในยุโปรและตะวันออกกลาง สร้างปราสาทและโบสถ์มากมาย ค้าขายสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้า มีกองทัพเรือของตัวเอง และครอบครองเกาะไซปรัสทั้งหมด
เมือกรุงเยรูซาเลมพ่ยต่อสุลต่าย ซาลาดิน การสนับสนุนจากยุโรปก็ตกต่ำลง กษัตริย์ ฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ได้ยืมเลินจำนวนมาจากอัศวินเทมพลาร์เพื่อใช้ในการทำสงครามกับอังกฤษ แต่ไม่มีเงินพอจะใช้คืน… จึงสั่งสอบสวนผุ้นำ ในฐานะเป็นพวกนอกรีต
ในวันศุกร์ที่ 13 ค.ศ. 1307 ฟิลิปจับกุมตัวสมาชิกอัศวินเทมพลาร์ทั้งหมดในฝรั่งเศส กล่าวหาว่าพวกอัศวินเทมพลาร์บูชาปีศาจบาโฟเมต (ซาตาน) เป็นพวกนอกรีต และสั่งประหารซึ่งทำให้ฟิลิปรอดพ้นจากการเป็หนี้พวกอัศวินเทมพลาร์ และยังยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพวกอัศวินเทมพลาร์ด้วย และยังมีตำนานความเชื่อ ทั้งในวันที่เหล่าอัศวินถูกจับ ก็เชื่อว่าเป็น ศุกร์ที่ 13 วันแห่งความโชคร้าย และยังเชื่อด้วยว่าเหล่านอัศวินที่อาศัยอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิอาจจะพบอะไรบ้างอย่างเช่น ได้ครอบครัววัตถุศักดิ์สิทธิ เช่น จอกศักดิ์สิทธิ หรือการได้พบ Cropper Scroll “ม้วนบันทึกทองแดง” ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้พวก Knight Templar ถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต( คือส่วนหนึ่งของคัมภีร์ Dead Sea Scrolls และ Lilth of Dead Sea ซึ่งมีการค้นพบในถ้ำคูมรัม เป็นคัมภีร์โบราณที่เกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับที่เขียนไว้เป็นรหัสลับ ต้องมีการติดต่อกับวิญญาณต่าง ๆ จึงจะเข้าใจ และคัมภีร์นี้เองเป็นที่มาของลัทธินอสติค และในขณะนั้นทางวาติกัน ได้สั่งหามไม่ให้มีการเผยแพร่คัมภีร์นี้ออกสู่สาธารณะ ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะล่มสลาย แต่ยังคงเหลือสมาชิกอีก 100 กว่าคนหลงเหลือในยุโรป กองเรือของพวกอัศวินเทมพลาร์ได้หลบซ่อนตัวเองและตั้งชื่อใหม่ ว่า “ The Knights of Christ”