ทูต ในปัจจุบันเป็ฯอาชีพที่มีเกียรติสูงยิ่ง เนื่องจากเป็นผู้ทำหน้าที่เจรจาความเมืองระหว่างรัฐ เริ่มจากการส่งข่าวสื่อสารระหว่างกันของรัฐต่อรัฐ
สมัยโบราณบันทึกทางการทูตปรากฎวามีผู้ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างรัฐมาตั้งแต่สมัยนครรัฐเมโสโปเตเมีย โดยเป็นผู้แทนส่งสาร์นและนำเครื่องบรรณาการต่างๆไปถวายยังรัฐอื่น
จักรวรรดิมองโกลนับแต่ยุคเจงกิสข่าน สิทธิและเสรีภาพทางการทูตเป็นมาตรฐานสากล โดยหากแค้วนใดดูหมิ่นหรือทำร้ายทูตมองโกล แค้วนนั้นจะถูกฆ่าล้างเมืองโดยไม่ปรานีพ่อค้าบางคนที่ถือสารทางการทูต จะได้รับป้ายที่เรียกว่า ไพซา เพื่อยกเว้นการเก็บภาษีและบังคับให้แคว้นต่าง ๆ ที่เดินทางฝ่านต้องคุ้มครองเป็นพิเศษ โดยใช้กำลังอำนาจกองทัพมองโกล
เหตุการณ์ สุลต่านแห่งควารัสม์ ที่ปล่อยให้เจ้าเทืองรอบนอกดังปล้นทูตของมองโกลแล้วเพิกเฉยไม่ลงโทษ ในที่สุดจักรวรรดิควาริสม์จึงต้องล้มสลายภายในเวลาเพียง สามปี
“เหตุการณ์ทำนองนี้เคยมีมาก่อนแล้วในประวัติศาสตร์ ในยุคโรมัน โรมันกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ในกฎหมาย Jus Gentium หรือประมวลกฎหมายที่ใช้บังคับกับคนนอกสัญชาติโรมัน การส่งข้าหลวง หรือทูตต่างพระเนตรพระกรรณซีซาร์ จะได้รับความมคุ้มครองเป็นอย่างยิ่ง หากแค้วนใดปฏิเสธหรือทำร้ายทูตของโรมัน จะถูกกองทัพโรมันบดขยี้ (อย่างโหดเหี้ยมป ดังเช่น ในสงครามมีเดีย หรือสงครามยิว”
เมื่อจักรวรรดิมองโกลรุ่งโรจน์ถึงที่สุด สันติภาพของมองโกล Pax Mongolica เป็นต้นแบบการคุ้มครองผุ้เจรจาการทูต
- แรบเบน บาร์ ชอว์มา แห่งราชวำนักมองโกล สามารถเดินทางจากนครหลวงข่านบาลิก(ปักกิ่งในปัจจุบัน) มาถึงกรุงลอนดอนเพื่อร่วมพิธีราชาภิเษก พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่หนึ่งแห่งอักกฤษโดยปลอดภัย
- เฟรียร์ แพทพีนี สามารถเดนทางมายังคาราโครัมเพื่อสนทนาโต้วาที่ทางศาสนากับนักบวชในศาสนาอื่นและเดินทางกลับอย่างปลอดภัย
จากอิทธิพลของมองโกล การล่มสลายของลัทธิฟิวดัล และการปฏิรูปวัฒนธรรมในยุคเรอเนสซอง ทำให้ทูตกลับมามีเกียรติอีกครั้งในฐานะนักเจรจาผู้แทนองค์กษัตริย์ ในอิตาลียุคศตวรรษที 15 ทูตและนักเจรจามีบทบาทในการทำสนธิสัญญาพันธมิตรในการรบ และต่อรองผลประโยชน์ระหว่างนครรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น