ประวัติศาสตร์บนเส้นขนาน
โปล ฮังกาเรียน บ้านพี่เมืองน้อง แม้จะด้อย
ถ้อยคำแต่อันแน่นไปด้วยประสบการณ์การ
จากประวัติศาสตร์ที่เปรียบดังสายใยเชื่อม
โยงชาติใจกลางยุโรปทั้งสองนี้ไว้ด้วยกัน
ตราบนานเท่านนาน
ความพ้องพานและผิดแผกที่ฮังการีและโป
แลนด์พานพบบนทางขนานของประวัติศาสตร์
ฮังการรีและโปแลนด์ตั้งมั่นเป็นอาณาจักร
ปกครองตนเองในเวลาไล่เลี่ยกัน ในศตวรรษที่ 10
โดยสวามิภักดิ์ต่อคริสตจักรเพื่อสร้างความชอบ
ธรรมและการยอมรับจากชาติอื่น ๆ
ปลายยุคกลางอาณาจักรทั้งสองเป็นรัฐกันชน
ระหว่างอาณาจักรโรมันกับชนเผ่านอกรีตทั้งด้าน
ใต้และด้านตะวันออก ขณะเดียวกันต้องเผชิญกับ
การโจมตีจากมองโกลและพวกเติร์ก
หลังจากพิชิตดินแดนรัสเซียแล้วกองทัพมองโกล
ตั้งฐานเพื่อพักไพร่พล และเรียกเกณฑ์กำลังเสริมจาก
รัฐเซียด้วย
ชาวคูมานส์ ซึ่งเป็นเผ่าเร่ร่อนทำสงครามกับมองโกล
และแตกพ่ายไปเข้ากับกษัตริย์เบลาที่ 4 แห่งฮังการีกว่า
200,000 คน โดยยินยอมเปลี่ยนมานับถือคาทอลิก
กษัตริย์ทรงเล็งเห็นว่าจะช่วยสงเสริมฐานะของพระองค์
ต่อองค์สันตะปาปา และชาวคูมานส์ยัง ยินดีมอบนักรบ อีก
30,000 ให้เข้าร่วมกับกองทัพด้วย กษัตริยเบลาทรงยินดี
และการตัดสินใจครั้งเป็นเหตุให้มองโกลเข้าโจมตีฮังการี
ข่านบาตูยื่นคำขาดกับกษัตริย์เบลาที่ 4 ว่า พวกคูมานส์
เป็นข้าทาสของมองโกลจงอย่าให้ที่ลี้ภัยมิฉะนั้นจะเป็น
ศัตรูกับมองโกล..กษัตริย์เบลาทรงปฏิเสธ และรวพลเพื่อ
ขุนพลเมืองต่างๆ ขานรับ ยกเว้น อาชดยุค เฟรเดอริก
แห่งออสเตรีย ด้วยมีปัญหาเรื่องพรมแดนกันอยู่ก่อน และ
ทรงเล็งเห็นความไม่มั่นคงของฮังการีอันเกิดจากพวก
คูมานส์ ในเวลาดังกล่าวอาชอยุคทรงเสด็จฮังการีและ
ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองการค้า หลังจากนั้นไม่นานก็เกิด
จลาจลในฮังการี ข่านของพวกคูมานส์ถูกสังหาร มีบางคน
กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกองทัพมองโกลเคลื่อนทัพออกจากยูเครน กองทัพมองโกล
ประกอลด้วยทหารม้ากว่า 70,000 นาย..ภายใต้การบังคับ
บัญชาของ ข่านตาบู แม่ทัพสุโบไตเป็นผู้ร่วมบัญชาการมองโกลรู้ว่าเวลานี้กษัตริย์และเจ้าครองนครในยุโรปต่างมี
ความขัดแย้งกันอยู่ และรู้ว่าหากมีภัยจากภายนอกรุกราน
จะร่วมกันต่อต้านในทันที เพราะต่างมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด
กันทั้งจากโดยสายโลหิต และการสมรส
ด้วยเหตุนี้จึงแบ่งกำลังเป็น 2 ส่วน กำลังหน้าสองหมื่น
นำโดยแม่ทัพบัยดาร์และไคดู ราชนัดดา โอโกไตข่าน
เคลื่อนทัพคอยสกัดสกัดโปแลนด์หากจะมีความช่วยเหลือ
ใดมาสู่ฮังการี
หลังจากบุกเข้าโปแลนด์ กองทัพมองโกล ได้ปล้น
สะดม และทำลายกองทัพโปลและสงาฟของ กษัตริย์
โบเลสเฟ และทำลายกองทัพโปลที่ชมิลนิค ก่อนจะย้อน
กลับมายังคราโคฟ และเผาเมือง
ดยุค เฮนรี่ที่ 2 แห่งไซเลเซีย หรือ เฮนรี่ ผู้เคร่งธรรม
รู้ว่าการรอกำลังหนุนอยู่ในเมืองไม่เป็นการดีจึง นัดน้อง
เขย กษัตริย์ เวนเซสลาสที่ 1 แห่งโบฮีเมีย พร้อมทหาร
ห้าหมื่นนาย แต่ทัพมองโกลก็รู้กาลนี้ ดังนั้นก่อนจะถึง“พื้น
ที่ที่ถูกเลือก” มองโกลก็ดักรออยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากเจ้าชาย
ไคดู และบัยร์ดาใช้กลยุทธ์เงียบ บวกกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลใน
การรบมานับครั้งไม่ถ้วนคือ ล่าถอย และแยกทหารราบออก
จากพวกอัศวินและเข้าโจมตีภายหลังด้วยธนูภายหลัง ท่าม
กลางความวุ่นวาย ดยุคเฮนรี่ พยายามหนีแต่ทหามองโกลไล่
ล่าทันปลงพระชนม์พระองค์และตัดศรีษะเสียบไว้ที่ปลายหอก
และใช้แทนธงก่อนเดินทัพสู่ลีกนิกซ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น