วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

World Heritage Site : Filippine,Singapore

              ฟิลิปปินส์ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศฟิลิปปินส์ทั้งสิ้น 6 แหล่ง
              โบสถ์บาโรกแห่งฟิลิปปินส์ Barouque Churches of the Philippines คือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของโบสถ์สเปน 4 แห่งในฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ใน ค.ศ. 2003 โบสถ์เหล่านี้ยังเป็นหนึ่งในสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของประเทศ
              โบสถ์บาโรคแห่งฟิลิปปินส์ ประกอบด้วยโบสถ์โรมันคาทอลิก 4 แห่งที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 16-18 ในช่วงที่ฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมของสเปน นอกจากจะแสดงถึงการเข้ามาของศาสนาแคริสต์ในหมู่เกาะของฟิลิปปินส์แล้ว ยังเป็นศูนย์กลางอำนาจในการปกครองอาณานิคมของสเปนด้วย สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของโบสถ์ไม่เพียงแค่สะเท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของสถปัตยกรรมแบบสเปนหรือละตินอเมริกันกับสภาพแวดล้อมใท้องถ่ินเท่านั้น แต่ยังมีการผสมผานศิลปลวดลายของจีนเข้าไปอีกด้วย
              เนื่องจากความมีอิทธิพลของคริสตจักรในทางการเมือง ทำให้คริสตจักรและรัฐถือเป็นหนึ่งเดี่ยว คริสตจักรจึงกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากการปฏิวัติและการก่อกบฎในประเทศ โบสถ์เหล่านั้จึงไม่ใช่มีเพียงสิ่งก่อสร้างที่ให้บริการทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังปรากฎสิ่งก่อสร้างในลักาณป้อมปรากการอยู่ด้วย เช่น ในกรณีของโบสถ์ซานตามาเรีย ซึ่งตั้งอยุ่บนเนินเขาและทำหน้าที่เป็นป้อมปราการในช่วงเวลาวิกฤต และโบสถ์ ไมอากาโอ ซึ่งทำหน้าที่ต้านทานการโจมตีเป็นครั้งคราวของชาวมุสลิมจากภาคใต้ นอกจากนี้ที่ตั้งของประเทศฟิลิปปินส์ยังตั้งอยุ่บนแนวที่เรียกว่าวงแหวนแห่งไฟแปซิฟิก ซึ่งเป็ฯพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวได้บ่อยๆ การก่อสร้างจึงให้ความสำคัญกับรากฐานของโบสถ์ แม้บางแห่งจะรับความเสียหายจาแผ่นดินไหว แต่ก็ได้สร้างขึ้นมาใหม่ทดแทน โบสถ์ทั้ง 4 แห่งและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมร่วมกัน
            อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮา Tubbataha Reefs Natural Park คือ เขตสงวนพันธ์ุนกและสัตว์ทะเลของฟิลิปปินส์ ตึ้งอยู่บริเวณใจกลางทะเลซุลู ประกอบด้วยเกาะรูปวงแหวนที่เกิดจากหินประการับใหญ่ 2 เกาะเรียกว่าเกาะวงแหวนเหนือและใต้ โดยถูกแยกจากกันด้วยช่องแคบกว้างประมาณ 8 กิโลเมตร กลางเกาะวงแหวนมีทะเลสาปและเกาะทรายขนาดเล็ก ๆ อยุ่ตรงกลางคำว่า ไตุบบาตาฮา" คือการรวมกันของคำศัพท์ภาษาซัมบัล 2 คำ คือ ตุบบา และตาฮา ซึ่งรวมกันหมายถึง "ปะการังยาวโผล่ขึ้นที่กระแสน้ำต่ำ"
 อุทยานธรรมชาติปะการับตุบบาตาฮา คือ พื้นที่คุ้มครองแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์ตึ้งอยุ่บริเวณใจกลางทะเลซูลูเขตสงวนพันธุ์นกและสัตว์ทะเลประกอบด้วย เกาะรูปวง แหวนที่เกิดจากหินประการังใหญ่ 2 เกาะ (ชื่อเกาะวงแหวนเหนือและใต้)  และปะการังเจสซี่ บิสซืลี่ี่เล็กกว่าครอบคลุม พื้นที่ทั้งหมด 97,030 เฮกเตอร์ เขตเกาะปะการรังตั้งอยุ่ 150 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ ของเมืองเปอร์โต พรินซีซา เมืองหลวงของจังหวัดปาลาวัน เกาะที่ไม่มีใตีอยู่อาศัยและปะการัง เป็นส่วนหนึ่งของเทศบาลเกาะคากายาซิลโล จ.ปาลาวัน
           อุทยานธรรมชาติปะการับตุบบาตาฮา เป็นมรดกโลก ในหลักเกณฑ์ตัวอย่งที่เด่นชัดของเกาะปะการับวงแหวนที่มีความหนาแน่นของสายพันธ์สัตว์ทะเลในระดับสูงมาก เกาะวงแหวนเหนือเป้นที่ตั้งของเขตทำรงของนกและเต่าทะเล ที่ตั้งแห่งนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ยอเยี่ยมของพืดหินปะการังดั้งเดิม ด้วยกำแพงเส้นตั้งตรง 100 เมตร ที่น่า
ประทับใจ ทะเลสาบที่กว้างขวางและแนวปะการัง 2 เกาะ ในปี 1999 แรมซาร์ ขึ้นทะเบียนตุบบาตาฮาในฐานะหนึ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญในระดับนานาชาติใน ค.ศ. 2008 ปะการับได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติและหมู่เกาะฟิลิปปินส์เป็นส่วนหนึ่งของสามเหล่ยนปะการัง ได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางหนึ่งของความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลประกอบด้วย 75% ของสายพันธุ์ปะการังและ 40% ของปลาปะการังของโลก พื้นที่แห่งนี้อยู่ในการคุกคามที่รุนแรงเนื่องจากการประมงที่เกินขึดจำกัดและกิจวัตรการตกปลาที่เป้ฯการทำลาย การเยียมชมและวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ต้งแต่ทศวรรษ 1980  เปิดเผยว่าอุทยานธรรมชาติปะการังตะบบตาฮามี
จำนวนสายพันธ์ปลาน้อยกว่า 600 ชนิด สายพันธุ์ปะการัง 360 สายพันธ์ุ สายพันธ์ฉลาน 11 สายพันธุ์ วาฬและโลมา 13 สายพันธ์ุ และสายพันธุ์นก 100 สายพันธ์ุแนวปะการังยังทำหน้าที่เป้นพื้นที่ทำรังสำหรับเต่ากระ และเต่าตนุ และกว่า 1,000 สายพนธุ์และสายพันู์นก 100 สายพันธ์ุ แนวปะการัง 360 สายพันธุ์ สายพันธ์ฉลาม 11 สายพันธ์ วาฬและโลมา 13 สายพันธ์ และสายพันธ์นก 100 สายพันธ์แนวปะการังยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่ทำรังสำหรับเต่ากระ และเต่าตนุ และกว่า 1,000 สายพันธ์ุของสิงมีชีวิตทางทะเลที่อาศัยอยุ่ในปะการัง หลายสายพันู์ถูกพิจารณาว่าเสี่งต่ออันตราย สายพันู์สัตรว์ที่ค้นพบรวมถึปลากระเบนแมนดา ปลาสิงโต เต่าทะเล ปลาการ์ตูน และฉลาม ตุบบาตาฮากลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมสำหรับนักดำน้ำสันทนาการ เพราะกำแพงปะการังที่วึ่งมีีแนวปะการังน้ำตื้นและความลึกที่พอเกมาะ กำแพงเหล่านี้ยังเป็นที่อยู่ของกลุ่มปลาที่หลากหลาย เช่นปลากะพงพร้าว ปลาฉลามหัวค้อน ปลาสาก ปลาดนรีเทวรูป ปลานโปเลียน ปลานกแก้ว และปลาไหลมอรเย์ ที่อาศัยอยุ่ในที่หลบภัยของมัน และยังมีการรายงานอารพบปลายฉลามวาฬ และปลาฉลามเสือ รวมถึงเต่ากระ ซึ่งเป้นสายพันธ์ที่อยุ่ในอัตราย
              นาขั้นบันไดแห่งกลุ่มเทือกเขาฟิลิปปินส์ Rice Terraces of the Philippine Corddilleras
              นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์ เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นขงอการพัฒนาภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม ตั้งแต่ 2000 ปีที่แ้วก่อยุคอาณานิคมฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของเทือกเขาบนเกาะทางตอนเหนือของเกาะลูซอน ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ นาขึ้นบันไดอันเก่าแก่นี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น ประกอบด้วยนาขึ้นบันได 5 แห่ง ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดและน่าประทับใจที่สุ ทั้งหมกสร้างขึ้นดดยชาวอิฟูเกา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่อพยพจากประเทศไต้หวันมาสู่ฟิลิปปินส์ และได้ครอบครองภูเขาเหล่านี้เมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว
            นาขั้นบันไดของเทือกเขาฟิลิปปินส์ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภูเขาในเกาะลูซอนทางเหนือ ซึ่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมีอยู่ 5 แห่ง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในจังหวัออิฟูเกา เขตบริหารกอร์ดิลเยรา บนเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ได้แก่ นาขั้นบันได บาทาด ในบัวนาเว, นาขั้นบันได บานแกน ในบัวนาเว, นาขั้นบันได มาโยเยา ในมาโยเยา, นาขั้นบันได แฮงดืน ในแฮงดืน, นาขั้นบันได นากาคาแดน ในเคียนแกน
          นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์ เป็นการแกะสลักภูเขาทั้งลูกเพื่อใช้ในการปลูกข้าว เนื่องด้วยการทำนาโดยทั่วไปจะต้องใช้พื้นที่ราบ แต่พื้นที่ภูมิประเทศของฟิลิปปินส์เต็มไปด้วยเขาสูงมีที่ราบน้อย น้ำและพื้นที่ในการทำการเกษตรจึง
เป้นปัญหา ชาวอิฟูเกาจึงได้คิดวิธีทำนาแบบขึ้นบันไดขึ้ตามไหล่เขา พวกเขาใช้แรงงานคนและเครื่องมือ
ธรรมดาสกัดพื้นที่บนไหล่เขาและที่ลาดเชิงให้เป็นชั้นๆ ลดหลั่นลงมาเป็นขึ้นบันใด เพื่อช่วยเพ่ิมเนื้อที่ในการเพาะปลูก ปรับภูเขาทั้งลุกให้กลายเป็นแหล่งเพราะปลุกขนาดใหญ่ และสร้างระบบชลประทานโดยปราศจากการใช้เครื่องจักรกล ทำทางระบายน้ำลงมาเป็นขั้นๆ ให้น้ำจากด้านบนไหลลงมายังแปลงด้านล่างได้ จึงสามารถควบคุมปริมาณน้ำจากธรรมชาติได้อย่า่งม่ประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับการเพราะปลูกข้า อีกทั้งยังเป็นการรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างไปช่วงแก้ปัญหาป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย นาขึ้นบันไดสวนใหญจึงตั้งอยุ่ใกล้น้ำตก เพราะสามารถนำน้ำจากน้ำตกมาใช้ในนาได้ ลุกหลานชาวนาที่สืบเชื่อสายมาจากชาวอิฟุเกาในปจจุบัน ก็ยังคงยึดอาชีพทำนาเ่นเี่ยวกับพรรพบุรุถษ และเพาปลูกด้วยความเชื่อและวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัฒจักรฤดุกาลของการปลูก ากรควบคุมศัตรูพืชและการเก็บเกี่ยวจะเชื่อมโยงกับรอบดวงจัทรา์และพิธีกรรมทางศาสรา โดยความรู้นี้ได้ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสุ่รุ่น เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำการเกษตรแบบยั่งยืนด้วยเทคนิคดั้งเิมการแสดงออกของประเพณีอันศักดิ์สทิธิ์และความสมดุลกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ก่อให้เกิดเป็นภุมิทัศน์วัฒนธรรมโบราณที่สวยงาม นาขั้นบันไดบานาเว เป็นสถานที่ที่มากรปลุกข้าวแบบขึ้นบันไดบนเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยกยอ่งให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก
               เมืองประวัติศาสตร์วีกัน History Town of Vigan ตั้งอยู่ที่จังกฟวัอีโลโกสซุร์ ทางตะวันตกของเกาะลูซอน เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมของฟิลิปปินส์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 จัดเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดและยังคงรักษาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลในยุคที่สเปนเป็นเจ้าอาณานิคมที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ โดยใรการดุแลรักษาเป็นอย่างดี สถานที่สำคัญในเมืองวีกัลส่วนใหญ่จะเป็ฯอาคาร สิ่งปลูกสร้างที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัตศาสตร์ เช่น มหาวิหารวีกัลหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า อาสนวิหารนักบุญเปาโล มหาวิหารเซนต์ปอล เดิมเป็นโบสถ์และได้เลือนเป็ฯมหวิหารเมือเขตปกครองทางศาสนา ย้ายมาที่วีกัล เดิมตัวโบสถ์ทำจากไม้และหลังคามุงจาก และได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว และอัคคีภัย ต่อมาจึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นมหาวิหารที่มีความคงทนแข็งแรงและส่วยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบสเปน
           นอกจากมหาวิหารแล้วยังมีบ้านเก่า Vigan Heritage Mansion ซึงเคยเป็นบ้านของผุ้ว่าฯ ที่สร้างใน ค.ศ.1885 หลังจากเขาเสียชีวิตในปี 1991 ลูกสาวของเขาก็ไ้ทำการบูรณะบ้านอายุกว่าร้อยปีหลังี้อีกครั้งเพื่อเป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมของวีกัล
           Cordillera Inn บ้านของ ดอน แกสเปอร์ บาร์โทลอมส์ สร้างในปี 1885 และถูกขายต่อให้กับตระกูลCarino ในปี1950 เนื่องจากทายาทของดอน ตกลงย้ายไปอยูาวัก ต่อมาบ้านหลังนี้พร้อมกับอีก 5 หลังถูกเพลิงไหม้ แต่ด้วยโครงสร้างกับกำแพงอิฐที่แข็.แรงจึงไม่ได้รับความเสียหายมากนัก และในปี 1965 ได้ถูกขายต่อให้กับผุ้ว่าฯหญิงในขณะนั้น และทำหน้าที่บูรณะว่อมแซมจนกลายมาเป็น Cordillera Inn ในปัจจุบัน
          บ้าน Leona Florentino นักกวีและประพันธ์บทที่มีชื่อเสียงระดบนานาชาติในยุคฟิลิปปินส์เป็ฯอาณานิคมของสเปนผลงานของเธอได้รับการแปลและเผยแพร่ไปหลายภาษ แต่ต้นฉบับถูกทำลายระหว่างการปฏิวัติฟิลิปปินส์ บ้านของเธอในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ ศุรย์บริการการท่องเที่ยววีกัล และเปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ ด้วย
            อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดิน ปวยร์โต-ปรินเซซา Pueto-Princesa Subterranean River National Park อุทยานแห่งชาติมแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต- ปรินเซซา ตังอยู่บริเวณเทือกเขาเซนต์พอล ทางตอนเหนือของเกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ ห่างจากเมืองปวยร์โตปริน-เซซา เมืองหลวงของเกาะปาลาวันทางตอนเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร
            เป็นแม่น้ำใต้ดินที่มีความยาวที่สุดในโลก (8.2 กิโลเมตร) ลอดผ่านถ้ำหินปูนของเทือกเขาเซนต็พอล มีอายุกำเนินมานานกว่า 20 ล้านปี ก่อนที่นะไหลลงสุ่ทะเลจีนใต้ โดยในภายในถ้ำจะประกอบด้วยหินงอกหินย้อยต่างๆ ที่มีลักษณะเหมือนรูปร่างต่างๆ ตามแต่จินตนาการของผุ้พบเห็น
           ก่อนที่จะเข้าสุ่ถ้ำต้องเดินผ่านเส้นทางชมธรรมชาติซึ่งเป็นป่าดิบที่อุดมสมบุรณ์ ประกอบไปด้วยป่าไม่นานาชนิด และสัตว์ป่าหายากชิดต่างๆ เช่น ลิงแสม, นกเงือกปาลาวัน เป็นต้นและภายในถ้ำเป็นแหล่งอาศัยของค้างคาวจำนวนมาก การเข้าชม จะเข้าชมได้เพียง 1.2 กิโลเมตร ส่วนที่เหลือจะปิดไม่ให้นักท่องเทียงเข้าชม ด้วยหตุผลของการอนุรัษณ์ และจำกัดจำนวนนักท่องเทียว
            เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเทือกเขาฮามิกิตัน Mouth Hamiguitan Range Wildlife Sanctuary 
            เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเทือกเขาฮามิกิตันตั้งอยุ่ในจังหวัดดาเวาโอริเอนตัล ทางต้ของเกาะมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล โดยมีภูเขาฮามิกิตันมีความสุง 1,620 เมตร แนวภูเขาฮามิกิตันประกอบด้วยพื้นที่ 6,834 เฮกตาร์ ป่าไม้เป็นป่าแคระที่มีความพิเศษของต้นไม้เก่าแก่ในดินอัลตราเมฟิก ซึ่งกำลังใกล้สูญพันธ์ ภูเขาและบริเวณใกล้เคียงเป็นที่อยุ่ของพืชและสัตว์หลากหลายสายพันธ์ุที่หลากหลายของหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งเป็นพืชเฉพาะถิ่นมีสิ่งี่มีชีวิตเฉพาะถิ่น 8 สายพันธ์ุ สายพันะู์ที่พบได้บนภูเขาฮามิกีตันเท่านั้นด้วย
            สิงคโปร์ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของ สิงคโปร์ไว้ 1 แห่ง
             สวนพฤษศาสตร์สิงคโปร์ Singapore Botanical Garden ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1822 โดย Sir Stamford Raffles นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผุ้ก่อตั้งสิงคโปร์ด้วย โดยสร้างสวนแห่งนี้ขึ้มาเพื่อเป็นสวนทดลองทางด้านพฤกษศาสตร์ โดยเฉพาะพืชมีค่าทางเศรษฐกิจบนพื้นที่กอฟเวอร์เมนท์ ฮิล แต่ภายหลังก็ได้ปิดตัวไปภายหลังการเสียชีวิตของเขา
           รูปแบบสวนในปัจจุบัน ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 1859  โดยสมาคมพืชส่วน ของรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษ ต่อมาสวนพฤกษศษสตร์สิงคโปร์เร่ิมมีชื่อเสียงเรื่องการปรบปรุงพันธุ์กล้วยไม้ โดยเฉพาะช่วงปี 1925-1949 ภายใต้ผุ้อำนวยการสวน โปรเฟสเซอร์ อีริค ฮโลททัม และได้ตั้ง เนชั่นออคิดซ์ (สวยกล้วยไม้แห่งชาติ) ในเวลาต่อมา นอกจานี้ยังมีการปสมพนู์กล้วไม้ ซึ่งกำหนดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์
            ในปี 1990 สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ อยุ่ภายใต้การจัดการของ เนชั่น พาร์ค บอร์ด และพัฒนเรื่อยมากระทั่งปัจจุบัน และมีส่วนสำคัญในการรณรงค์ กรีนนิ่ง สิงคโปร และการ์เด้น ซิตี้ ของประเทศสิงคโปร์ ถือว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่ประสบผลสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากในแต่ละปี
           

               - www.thaifly.com อุทยานธรรมชาติประการังตุบตาฮา
               - region4.prd.go.th/ นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์
               - gothailandgoasean.tourismthailand/พาไปชมความคลาสสิกของเมืองประวัติศาสตร์วีกัล ฟิลิปปินส์
               - www.th.wikipedia.org/ อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โตปรินเซซา
               - pongsakornth.eu5.org/ เทือกเขาฮามิกิตัน
               - www.manager.co.th/ "Singapore Botanic Gardens" สวนสีเขียวใจกลางเมือง มรดกโลกน้องใหม่ที่ "สิงคโปร์"


                 
                       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...